ในบทความครั้งที่แล้วเราได้พาทุกท่านเจาะลึกทำเลของโครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา - พระราม 9 กันไปแล้ว ต้องบอกว่าบทความนี้จะเป็น Part ต่อ ที่จะพาทุกคนเข้าไปเยี่ยมชมด้านในโครงการ โดย เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา - พระราม 9 เป็นโครงการบ้านหรูพูลวิลล่าและการ์เด้นวิลล่า 3 ชั้น ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ จาก บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ระดับหรูโซนบางนา ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี

ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก เขตประเวศ  เดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก, ถนนลาดกระบัง, ถนนอ่อนนุช, มอเตอร์เวย์ และสนามบินสุวรรณภูมิ ใกล้รถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง ใกล้ Robinson ลาดกระบัง, The Paseo Mall ลาดกระบัง, Lotus’s อ่อนนุช, MEGA & IKEA บางนา, ม.รามคำแหง 2, รร.สาธิต ม. รามคำแหง2 ,รร.ราชวินิตบางแก้ว, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, รพ.สิรินธร และ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ด้านการออกแบบมาจากแนวคิด Private Luxury Living Residences ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสำหรับทุกครอบครัว แต่ยังให้กลิ่นอายความเหนือระดับอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนผ่านตัวบ้านที่มีความลักชัวรี่ เรียบหรู ทันสมัย น่าอยู่อาศัย มีความเป็นส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พักผ่อนเหนือระดับในสไตล์ Luxury Pool Villa ตัวบ้านดีไซน์พื้นที่ใช้สอยที่หลากหลายให้เชื่อมโยงกัน เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ตามคอนเซ็ปต์ “PORTAL TO YOUR UNIVERSE - เปิดโลกในแบบที่เป็นคุณ” ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนทุกเจเนอเรชั่น

 

Smart Home & Security System นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยครบ ปลอดภัยตั้งแต่หน้าโครงการ 

ในด้านความปลอดภัยของการอยู่อาศัยในโครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 มีการใช้ Smart Home & Security System นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยตั้งแต่หน้าโครงการ รวมไปถึงภายในบ้านทุกหลัง อาทิ ระบบ Smart Gate สแกนทะเบียนรถยนต์ และการเข้า - ออกของผู้มาติดต่อ, VDO Door Phone ที่ Main Gate เพื่อคัดกรองผู้มาติดต่อ และ CCTV ทั่วทั้งโครงการ

ซึ่งทางเข้า-ออกโครงการมีการออกแบบซุ้มประตูบานเลื่อนสไตล์โมเดิร์นขนาดใหญ่ โอ่โถง แบ่งทางเข้า-ออก ฝั่งละ 2 ช่องทาง คือ ทางเข้า-ออกของผู้มาติดต่อ ซึ่งจะอยู่ใกล้กับซุ้มของเจ้าหน้าที่ รปภ. และทางเข้า-ออก ของลูกบ้าน โดยจุดนี้จะใช้ระบบ Smart Gate สแกนทะเบียนรถยนต์ของลูกบ้านที่ลงทะเบียนไว้ ทำให้ประตูเปิดได้แบบอัตโนมัติ ใช้งานได้สะดวก

 

สำหรับภายในบ้านทุกหลังทางโครงการจะมีการติดตั้งระบบ Home Security System ที่สามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน, มี VDO Doorbell และ VDO Door Phone พร้อมระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินจากภายในบ้านไปยังส่วนรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านได้แบบเรียลไทม์ หน้าบ้านใช้ประตูที่ติดตั้ง Digital Door Lock พร้อมติดตั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงโครงการเตรียมให้ลูกบ้านใช้งานฟรี 1 ปี ส่วนที่ลานจอดรถหน้าบ้านทางโครงการได้เตรียมพื้นที่ Outlet รองรับการติดตั้ง EV Charger  สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ในตัวบ้านมีระบบรักษาความปลอดภัยเยอะมาก เช่น Magnetic และ Shock Sensor บริเวณชั้น 1 และ 2 และมี Video Door Bell ที่ทำให้เราสามารถพูดคุยเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งหน้าบ้านเราได้, Cube Motion Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมส่งข้อความแจ้งเตือน และใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ LifeSmart สั่งงานเปิดไฟทางเดิน, CCTV บริเวณโรงรถ และ Digital Door Lock

 

เปิดประสบการณ์อยู่อาศัยในบ้านเดี่ยวพูลวิลล่าสุดหรูใจกลางเมือง

เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 ตั้งอยู่บนที่ดิน 24 ไร่ มีบ้านทั้งหมด 71 ยูนิต กับบ้าน 2 แบบให้เลือก คือ แบบพูลวิลล่า และการ์เด้นวิลล่า ในราคาเริ่มต้น 28 - 40 ล้านบาท

แบบบ้าน

VENTI (Garden Villa)

ขนาดที่ดิน 66.9-91.2 ตร.ว.

พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมลิฟต์ และจอดรถได้ 3 คัน   


TRENDA (Pool Villa)

ขนาดที่ดิน 87.4-135.3 ตร.ว.

พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมลิฟต์  จอดรถได้ 4 คัน และสระว่ายน้ำส่วนตัวระบบเกลือ 

สำหรับบ้านทั้ง 2 แบบในโครงการนี้มีไฮไลท์ อยู่ที่การออกแบบบ้านหน้ากว้างให้มีความโอ่โถง สอดรับกับแนวคิด “Private Luxury Living Residences โดยเน้นการใช้วัสดุคุณภาพสูง ตัวบ้านใช้โครงสร้างแบบ Conventional ก่ออิฐฉาบปูน ซึ่งรองรับการทุบหรือต่อเติมพื้นที่ภายในบ้านได้ ส่วนหน้ากากบ้านทางโครงการเลือกใช้วัสดุแผ่นหินพิเศษมาใช้ปิดตกแต่งแทนการทาสี สลับกับฟาซาดสีน้ำตาล ทำให้หน้าตาของบ้านภายในโครงการนี้มีเอกลักษณ์พิเศษ ไม่เหมือนกับบ้านเดี่ยวโครงการ

อื่น ๆ และในบ้านทุกหลัง ยังได้รับการออกแบบให้ทุกห้องมีช่องบานหน้าต่าง เพื่อเปิดรับแสง-ลม ธรรมชาติเข้ามาหมุนเวียนได้ โดยมีฟาซาดเป็นตัวบังสายตา นอกจากจะสวยงามแล้วยังเป็นการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยให้มีความเป็นส่วนตัวสูงอีกด้วย

 

พาชมแบบบ้าน TRENDA บ้านพูลวิลล่า 3 ชั้น ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ พร้อมลิฟต์ส่วนตัวทุกหลัง

สำหรับบ้านแบบ TRENDA จะเป็นบ้านพูลวิลล่า 3 ชั้น มีขนาดที่ดินเริ่มต้น 87.4-135.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมลิฟต์ มีที่จอดรถได้ 4 คัน และมีสระว่ายน้ำส่วนตัวระบบเกลืออยู่ภายในตัวบ้าน เป็นบ้านหน้ากว้างที่ใช้พื้นที่ได้สมบูรณ์แบบ เหมาะกับครอบครัวที่ชอบพื้นที่ใช้สอย รองรับการทำกิจกรรมในบ้าน หรือชื่นชอบการพักผ่อนว่ายน้ำในบ้านแบบส่วนตัว

ชั้น 1

เริ่มจากบริเวณรั้วหน้าบ้านที่ทางโครงการได้ทำเป็น 2 จุดหลักๆ คือประตูสำหรับเดินเข้า ตรงนี้จะทำเป็นช่องซุ้มหลังคา ตรงใกล้กับประตูมีการติดตั้ง VDO Doorbell, กล่องรับไปรษณีย์ และอยู่ใกล้กับช่องทิ้งขยะหน้าบ้านด้วย ส่วนรั้วหน้าบ้านได้ติดตั้งเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนระบบอัตโนมัติ พื้นที่จอดรถในร่มหน้าบ้าน รองรับรถได้ 4 คัน โดยทางโครงการได้มีการลงเสาเข็มชนิดเดียวกับตัวบ้านที่ลานจอดรถ เพิ่มความแข็งแรง ลดปัญหาทรุดตัวและตรงนี้จะมีห้องเก็บของมาให้ใช้งานได้สะดวก พร้อมการติดตั้งจุด Outlet เพื่อรองรับการติดตั้ง EV Charger สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาให้ด้วย

เข้าไปในส่วนของตัวบ้าน บ้านหลังนี้จะมีทางเข้าเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ ทำให้ใช้งานได้สะดวก โดยมีประตูบานใหญ่ ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ด้วย รองรับการใช้งาน 3 ระบบ คือ Password, Keycard และ กุญแจ

สำหรับพื้นที่ชั้น 1 ของบ้านหลังนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ คือ พื้นที่ส่วนอเนกประสงค์, พื้นที่นั่งเล่น, พื้นที่ครัวและส่วนแม่บ้าน และพื้นที่สระว่ายน้ำ

โดยพื้นที่ในบ้านส่วนแรกจะเป็นโถงต้อนรับ ซึ่งในบ้านตัวอย่างได้ดีไซน์ให้เป็นพื้นที่ของตู้รองเท้าขนาดใหญ่ ถัดเข้าไปด้านในฝั่งซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้อง Multi-Purpose Room เป็นห้องอเนกประสงค์ ที่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งอยู่ใกล้กับสวนหน้าบ้านและสระว่ายน้ำ สามารถปรับเป็นห้องเล่นเกมส์ ห้องทำงาน ห้องรับแขกพิเศษ หรือจะทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุก็ใช้งานได้สะดวก

 

ส่วนฝั่งขวาของบ้าน ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ และโต๊ะทานอาหารขนาด 6-10 ที่นั่งได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกัน เป็นโถงขนาดใหญ่ที่มี Double Volume ความสูง 6.6 เมตร อยู่ตรงส่วนกลางของบ้าน เมื่อรวมกับช่องแสงบริเวณรอบ ๆ ทำให้ยิ่งเพิ่มความโปร่ง โล่งในพื้นที่บ้านมากขึ้น บริเวณจุดนี้ทางโครงการจะทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 บาน เปิดรับชมวิวสวน และสระว่ายน้ำข้างบ้านได้พอดี ทำให้การใช้งานภายในและภายนอกบ้านสามารถเปิดเชื่อมต่อกันได้ง่าย ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโถงลิฟต์ ซึ่งทางโครงการติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานในบ้านทุกหลัง โดยใช้ของแบรนด์ Hitachi รองรับน้ำหนักได้ประมาณ 300 กิโลกรัม มีพื้นที่รองรับรถเข็น มีปุ่มกดเป็นแบบ Universal Design ทำให้ทั้งผู้สูงอายุ รวมถึงเด็ก สามารถใช้งานได้สะดวก 

 

สระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณด้านข้างตัวบ้าน โดยโครงการได้ก่อสร้างสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4×7 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไว้ให้พร้อมใช้งาน ส่วนบริเวณรอบๆ จะเป็นพื้นที่ระเบียงริมสระน้ำ สามารถทำเป็น sunken ไว้นั่งเล่นหรือจะใช้เป็นลานปิ้งย่างก็ได้

สำหรับพื้นที่ครัวและส่วนแม่บ้าน ทางโครงการได้ออกแบบให้แยกออกเป็นสัดส่วน มีการวาง Pantry สำหรับจัดเตรียมอาหารรอเสริฟไว้ใกล้กับส่วนโต๊ะทานอาหาร ส่วนครัวไทยจะแยกออกไปด้านหลัง โดยทำเป็นแบบครัวปิด ในครัวมีพื้นที่ขนาดใหญ่ รองรับการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว ตู้เย็น และอุปกรณ์ชั้นวางต่าง ๆ มีประตูเปิดระบายอากาศได้ 2 ฝั่ง ทำให้ช่วยถ่ายเทอากาศได้ดี ตรงนี้จะมีมีประตูเชื่อมต่อกับส่วนซักล้าง ซักผ้า และมีประตูไปถึงโซนแม่บ้านด้านหลังเพื่อให้ใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก 

 

ชั้น 2

ไปต่อกันที่ชั้น 2 ของบ้าน แปลนบ้านส่วนของโถงทางเดิน จะเชื่อมต่อกับ Double Volume ทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่ชั้นล่างได้ โดยชั้นนี้จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ห้อง Master Bedroom และ ห้อง Family Room ที่อยู่โซนหลังบ้าน ซึ่งทั้ง 2 ห้องจะมีพื้นที่ส่วนระเบียง ที่สามารถเปิดรับวิวสระว่ายน้ำภายในบ้านได้ด้วย

จากโถงบันได เข้าสู่ห้อง Master Bedroom ห้องนอนขนาดใหญ่ โดยในบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้เห็นฟังก์ชันการใช้งานได้เป็นสัดส่วน ซึ่งส่วนแรกของห้องจะเป็นพื้นที่โถงทางเดินเข้า เป็นมุมที่สามารถวางบิวท์อินตู้โชว์ของสะสมได้ ซึ่งในห้องนี้ยังได้ผสานพื้นที่สีเขียวไว้ในห้องด้วย โดยทางโครงการได้ออกแบบให้ส่วนนี้เป็นมุมสวนเล็ก ที่มีกระจกบานเลื่อนกั้น แบ่งระหว่างส่วนพื้นที่เตียงนอนกับ พื้นที่ส่วน Walk in Closet ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติในทุกส่วนของบ้าน 

โดยพื้นที่ส่วน Walk in Closet จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำ โดยมีพื้นที่กว้างขวางรองรับการวางตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่ และยังมีพื้นที่ให้วางชุดโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่งหน้าได้ด้วย ส่วนห้องน้ำ ก็ใหญ่ กว้างขวาง มีสุขภัณฑ์ครบครัน และมีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวติดตั้งมาให้ด้วย เป็นห้องน้ำที่สามารถสัมผัสกับวิวรอบบ้านได้ สมกับเป็นห้อง Master Bedroom เลยจริงๆ

ถัดเข้าไปด้านในสุดของห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน โดยแบ่งพื้นที่สำหรับวางชุดโซฟาขนาดกลาง  และวางเตียงนอนขนาดใหญ่ในมุมห้อง ซึ่งบริเวณทั้ง 2 ฝั่งของเตียงจะเป็นกระจกบานใหญ่ เพื่อเปิดรับวิว โดยมีพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ที่หันเข้าหาสระ เพื่อรับชมวิวสระน้ำอย่างเต็มที่และเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย

ไปต่อกันที่ห้อง Family Room ซึ่งห้องนี้ทางโครงการได้ตกแต่งให้เหมาะกับการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัวของครอบครัว มีการวางชุดโซฟาขนาดกลางไว้ที่โถงกลาง พร้อมมีพื้นที่สำหรับดูทีวี เล่นเกมส์ หรือจะปรับเป็นห้องนั่งเล่นของเด็กเล็กก็ได้ โดยด้านในของห้องนี้ได้แบ่งให้มีส่วน Pantry ซึ่งสามารถวางตู้เย็นเล็กๆ หรือทำเป็นมุมตู้เก็บไวน์ ไว้รองรับการสังสรรค์ของผู้ใหญ่ก็สะดวกดี

ส่วนบริเวณด้านข้างมีพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่พอสมควร ตกแต่งด้วยต้นไม้แนวตั้ง เป็นระเบียงที่สามารถมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำได้พอดี เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านหลังนี้ด้วยเช่นกัน

ชั้น 3

ขึ้นมาถึง ชั้น 3 ของบ้าน ต้องบอกว่าทุกห้องในบ้านหลังนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มีการวางแปลนบ้านในมุมที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับมุมมองของบ้านที่ไม่เหมือนกัน โดยที่ชั้นนี้จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ มีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง เป็นห้องน้ำขนาดกลางที่มีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก – แห้ง กั้นด้วยฉากกระจก ทำให้การใช้งานมีความสะดวก ทำความสะอาดง่าย รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวขนาดกลางได้ดี และในพื้นที่โถงกลางยังมีส่วนนั่งเล่น ซึ่งเป็นมุมที่มีบรรยากาศอบอุ่น แสงเข้าถึง สามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย อาทิ มุมห้องพระ, มุมอ่านหนังสือ หรือทำเป็นตู้ชั้นสำหรับวางของสะสมได้

ส่วนการจัดวางห้องต่างๆ ห้องนอน 2 อยู่ในส่วนพื้นที่โซนหน้าบ้าน สามารถเปิดรับวิวจากระเบียงได้ 2 ฝั่ง เหมือนกับห้อง Master Bedroom ส่วนห้องนอน 3 จะ อยู่ในโซนหลังบ้านเป็นห้องที่มีขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อย สามารถวางเตียงใหญ่ได้ เป็นห้องที่มีช่องหน้าต่างระบายอากาศ และช่องแสงถึง 3 มุม

และห้องนอน 4 เป็นห้องใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำให้การใช้พื้นที่จึงแบ่งออกเป็นฝั่งซ้าย และฝั่งขวาเป็น ห้องที่มีช่องแสงเข้าได้หลายจุด และยังสามารถเปิดรับวิวสวนหน้าบ้านได้ด้วย โดยในบ้านตัวอย่างได้จัดให้เตียงนอนอยู่ทางฝั่งซ้ายของห้อง เป็นมุมสำหรับการพักผ่อน ส่วนฝั่งขวา จัดเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ พื้นที่ Walk in Closet  และห้องน้ำอยู่ด้านในสุด

 

 

สัมผัสบ้านสุดร่มรื่น ใน Garden Villa สวรรค์ของคนรักธรรมชาติใจกลางเมือง

สำหรับบ้านแบบ VENTI ในโครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 ได้รับการออกแบบให้เป็น Garden Villa ซึ่งเป็นบ้านที่มีขนาดที่ดิน 66.9-91.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมลิฟต์ และจอดรถได้ 3 คัน   

ถ้ามองจากภายนอกลักษณะการออกแบบ จะมีความใกล้เคียงกับบ้านพูลวิลล่า แต่ขนาดพื้นที่บ้านจะมีขนาดลดลงมาเล็กน้อย โดยไฮไลท์ของบ้าน ก็ยังคงมีฟังก์ชันการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน แต่เปลี่ยนพื้นที่สระว่ายน้ำข้างบ้าน มาเป็นพื้นที่สวนข้างบ้านแทน เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ ทำสวนเล็กๆ หรือจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับวางบ้านสัตว์เลี้ยงก็สะดวกเช่นกัน

ชั้น 1
สำหรับลานจอดรถหน้าบ้าน แบบ VENTI สามารถจอดในร่มได้ 3 คัน โดยบริเวณรั้วหน้าบ้านจะมีซุ้มประตูสำหรับเดินเข้า ตรงใกล้กับประตูมีการติดตั้ง VDO Doorbell, กล่องรับไปรษณีย์ และอยู่ใกล้กับช่องทิ้งขยะหน้าบ้านด้วย ส่วนรั้วหน้าบ้านได้ติดตั้งเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนระบบอัตโนมัติ

พื้นที่จอดรถหน้าบ้านทางโครงการได้มีการลงเสาเข็มชนิดเดียวกับตัวบ้านที่ลานจอดรถ เพิ่มความแข็งแรง ลดปัญหาทรุดตัวและตรงนี้จะมีห้องเก็บของมาให้ใช้งานได้สะดวก พร้อมการติดตั้งจุด Outlet เพื่อรองรับการติดตั้ง EV Charger สำหรับลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาให้ด้วย

 

สำหรับลักษณะตัวแปลนบ้านจะเป็นรูปตัวแอล โดยเว้นให้ด้านข้างบ้านเป็นพื้นที่สวน ภายในบ้านจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกัน และมีประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปเพื่อรับอากาศในสวนได้ด้วย ประตูทางเข้าบ้านเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ ทำให้ใช้งานได้สะดวก กันแดด กันฝน โดยมีประตูบานใหญ่ ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ด้วย รองรับการใช้งาน 3 ระบบ คือ Password, Keycard และ กุญแจ

ในตัวบ้านจะแบ่งเป็นโถงต้อนรับ ถัดเข้าไปเป็นห้อง Multi-Purpose Room ซึ่งสามารถเปิดรับวิวสวนได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับเป็นห้องอ่านหนังสือ ห้องทำงาน หรือห้องนอนผู้สูงอายุก็ใช้งานได้สะดวก

ส่วนฝั่งขวาของบ้าน ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น เชื่อมต่อกับพื้นที่ทานอาหารขนาดใหญ่ เป็นมุมที่มีความโอ่ โถง ด้วย Double Volume ความสูง 6.6 เมตร ที่อยู่ตรงส่วนกลางของบ้าน เมื่อรวมกับช่องแสงบริเวณรอบ ๆ ทำให้ยิ่งเพิ่มความโปร่ง โล่งในพื้นที่บ้านมากขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทหรู ด้วยวิวสวนสีเขียวที่สดชื่น และยังสามารถเปิดประตูกระจกให้สัมผัสบรรยากาศนอกบ้านได้ เป็นการผสมผสานพื้นที่ภายใน และภายนอกบ้านได้สมบูรณ์แบบ ตรงข้ามจะเป็นโถงลิฟต์ ซึ่งทางโครงการติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานในบ้านทุกหลัง โดยใช้ของแบรนด์ Hitachi รองรับน้ำหนักได้ประมาณ 300 กิโลกรัม มีพื้นที่รองรับรถเข็น มีปุ่มกดเป็นแบบ Universal Design ทำให้ทั้งผู้สูงอายุ รวมถึงเด็ก สามารถใช้งานได้สะดวก 

สำหรับครัวและส่วนแม่บ้าน ทางโครงการได้ออกแบบให้แยกออกเป็นสัดส่วน เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ มีการวาง Pantry สำหรับจัดเตรียมอาหารรอเสิร์ฟไว้ใกล้กับส่วนโต๊ะทานอาหาร ส่วนครัวไทยจะแยกออกไปด้านหลัง โดยทำเป็นแบบครัวปิด ในครัวมีพื้นที่ขนาดใหญ่ รองรับการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัว ตู้เย็น และอุปกรณ์ชั้นวางต่าง ๆ มีประตูเปิดระบายอากาศได้ 2 ฝั่ง ทำให้ช่วยถ่ายเทอากาศได้ดี ตรงนี้จะมีมีประตูเชื่อมต่อกับส่วนซักล้าง ซักผ้า และมีประตูไปถึงโซนแม่บ้านด้านหลังเพื่อให้ใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก 

ชั้น 2

สำหรับชั้น 2 ของบ้าน โถงทางเดินจะเชื่อมต่อกับ Double Volume ทำให้สามารถมองเห็นพื้นที่ชั้นล่างได้ โดยมีห้อง Family Room ที่เปิดเชื่อมต่อกับโถง Double Volume เป็นห้องขนาดกลางที่ใช้พักผ่อนหรือปรับเป็นห้องเด็กได้ ส่วนห้อง Master Bedroom จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ อยู่ฝั่งซ้ายของตัวบ้าน เป็นมุมที่รับวิว 2 ฝั่ง ทั้งจากข้างบ้าน และพื้นที่สวนกลางบ้าน

ลักษณะของห้องจากโถงบันได เข้าสู่ห้อง Master Bedroom ส่วนแรกของห้องจะเป็นพื้นที่โถงทางเดินเข้า โดยด้านในสุดของห้องจะเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน โดยแบ่งพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนขนาดใหญ่ในมุมห้อง ซึ่งบริเวณทั้ง 2 ฝั่งของเตียงจะเป็นกระจกบานใหญ่ เพื่อเปิดรับวิวโดยมีพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ที่หันเข้าหาสวนในบ้าน

อีกฝั่งของห้องจะเป็นพื้นที่ส่วน Walk in Closet จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำ พื้นที่กว้างขวางรองรับการวางตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่ และยังมีพื้นที่พร้อมช่องแสงให้วางชุดโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่งหน้าได้ด้วย ส่วนห้องน้ำ ก็ใหญ่ กว้างขวาง มีสุขภัณฑ์ครบครัน และมีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวติดตั้งมาให้ด้วย และยังมีประตูบานเลื่อนที่มีระเบียง ให้ปลูกต้นไม้ หรือจะทำเป็นสวนแนวตั้งเป็นห้องน้ำที่สามารถสัมผัสกับวิวรอบบ้านได้อย่างดี

ชั้น 3

พื้นที่ชั้น 3 ของบ้าน จะมีทั้งหมด 3 ห้องนอน และมีพื้นที่โถงกลางยังมีส่วนนั่งเล่น ซึ่งเป็นมุมที่มีบรรยากาศอบอุ่น แสงเข้าถึงได้จากระเบียงวิวสวน สามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย อาทิ มุมห้องพระ, มุมอ่านหนังสือ หรือทำเป็นตู้ชั้นสำหรับวางของสะสมได้

โดยทุกห้องจะมีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง เป็นห้องน้ำขนาดกลางที่มีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก – แห้ง กั้นด้วยฉากกระจก ทำให้การใช้งานมีความสะดวก ทำความสะอาดง่าย รองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวได้ดี

ส่วนการจัดวางห้องนอนจะให้ ห้องนอน 2 อยู่ในส่วนพื้นที่โซนหน้าบ้าน สามารถเปิดรับวิวจากระเบียงได้ 2 ฝั่ง เหมือนกับห้อง Master Bedroom

ห้องนอน 3 จะอยู่ในโซนหลังบ้าน เป็นห้องที่มีขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อย แต่ยังสามารถวางเตียงใหญ่ได้ เป็นห้องที่มีช่องหน้าต่างระบายอากาศ และช่องแสงถึง 3 มุม หรือสามารถปรับให้เป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ ห้องเก็บของสะสมก็ได้

และห้องนอน 4 สามารถเปิดรับวิวสวนจากประตูกระจกฝั่งข้างเตียงได้เลย โดยในบ้านตัวอย่างได้จัดให้เตียงนอนอยู่ทางฝั่งซ้ายของห้อง เป็นมุมสำหรับการพักผ่อน ส่วนฝั่งขวาเป็นพื้นที่ Walk in Closet และห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ซึ่งมีการติดตั้งสุขภัณฑ์ตามมาตรฐาน

สำหรับบ้านทั้ง 2 แบบในโครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 เป็นบ้านที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อครอบครัวคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพราะดูจากการออกแบบทั้งหน้าตาตัวบ้าน และฟังก์ชันในบ้านแล้วทำให้ผู้อาศัยสามารถเลือกบ้านให้ตรงกับความต้องการได้ และบ้านยังสะท้อนตัวตน รสนิยมของผู้อาศัยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

คลับเฮ้าส์และสวนส่วนกลางบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ผสานชีวิตคนเมืองกับบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติอย่างลงตัว

นอกจากบ้านแบบพูลวิลล่า แล้วในโครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 ยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง โดยโครงการได้เนรมิตพื้นที่กว่า 2 ไร่ ให้เป็นอาคารคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่ และพื้นที่สวนสีเขียว ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม ซึ่งโครงการจัดมุมนั่งเล่นไว้ให้ มีทางเดินเชื่อมต่อกันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ

Lobby Lounge ห้องรับรองนัดพบปะ ที่สามารถมองเห็นวิวสระน้ำของโครงการและมองเห็นสวนในระยะไกล

สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ระบบเกลือ แบบ Infinity Edge Pool ให้มองออกเห็นวิวสวนได้แบบต่อเนื่อง ใช้ว่ายออกกำลังกาย พร้อมเตียง Daybed ไว้ให้นั่งชมวิวสระและวิวสวน ซึ่งตัวสระเป็นระบบน้ำล้น ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้เหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดได้เป็นอย่างดี Fitness ชั้น 2 ที่สามารถออกกำลังกาย พร้อมชมวิวสระและสวนได้พร้อมกัน รวมถึง Private Salon ห้องสำหรับเสริมสวย โดยสามารถเรียกช่างมาให้บริการทำผม, แต่งหน้าได้ โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนภายในพื้นที่บ้านเลย

Signature Lounge ห้องที่รองรับกิจกรรมบันเทิง ที่โครงการเตรียมอุปกรณ์ในครัวไว้ให้ ทั้งเตาอบ, ตู้เย็น, เครื่องชงกาแฟ, ซิงค์ล้างจาน เป็นห้องที่สามารถจองใช้งานแบบเป็นส่วนตัวได้

Meeting Room ห้องประชุมแบบ Indoor ที่รองรับการทำงานได้เสมือนอยู่ออฟฟิต และยังมีวิวสวนร่มรื่นให้ผ่อนคลายด้วย และCo-Working Space มุมที่เข้านั่งอ่านหนังสือ หรือเปลี่ยนมุมทำงานใหม่ๆ ให้การทำงานที่บ้านไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

Junior Club พื้นที่กิจกรรมของเด็กๆ ให้ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ ได้เล่นกับเพื่อนบ้าน ฝึกการสร้างสังคมเล็กๆ และ Play Areaพื้นที่โซน Outdoor ที่จะให้เด็กๆ ได้ออกมาปลดปล่อยพลังด้วยเครื่องเล่นเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

และอีกบริการพิเศษ ที่โครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 มอบให้กับลูกบ้าน คือ The One Butler ผู้ดูแลแลอำนวยความสะดวกภายในบ้าน โดยเจ้าของบ้านสามารถใช้บริการแบบ Tailor Made ได้ตามความต้องการในราคาพิเศษ คัดเลือกมืออาชีพมาเป็นผู้ดูแลบ้านให้กับลูกค้าของโครงการครอบคลุมการดูแล maintenance เช่น สระว่ายน้ำและสวน

อย่างที่บอกไปว่าบ้านในโครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 มีการจัดวาง Masterplan ที่ให้ความสำคัญกับการดึงฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในบ้านมาใช้ประโยชน์ได้อย่างลงตัว พื้นที่ใช้สอยส่วนต่าง ๆ ภายในบ้านสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่อง สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามการใช้งานและรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของสมาชิกในครอบครัว ทั้งบ้านพูลวิลล่า และการ์เด้นท์ วิลล่า ที่เชื่อมต่อถึงให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติได้จากทุกมุมของบ้าน

สำหรับผู้ที่สนใจ โครงการ เดอะวัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม 9 สามารถเข้าชมบ้านตัวอย่างที่โครงการได้ทุกวัน

และสามารถดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://theonesignature.com

หรือโทร. 099-382-8899