CCP เผยผลประกอบการไตรมาส 3/65 รายได้รวม 637.97 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13.86 ล้านบาท ส่งซิกทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/65 เติบโตดี ความต้องการใช้คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่ม หลังสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศเริ่มคลี่คลาย ผู้ประกอบการกลับมาก่อสร้างได้ตามปกติ งานเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ เร่งส่งมอบงานตามแผน เตรียมขยายฐานบริการ ธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) โซนภาคอีสานเพิ่ม มุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป งานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน-เวลา ดันรายได้โตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 2,600 ล้านบาท

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 637.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 531.17 ล้านบาท จำนวน 106.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.99 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565  บริษัทมีรายได้รวม 1,886.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,831.13 ล้านบาท จำนวน 55.72 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 25.91 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 47.50 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการในส่วนของรายได้รวม ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทปรับกลยุทธ์การขาย และรับงานขนาดเล็กเพิ่มขึ้น สามารถส่งมอบงานได้เร็ว อาทิ งานถนน  งานวางระบบรางระบายน้ำ ขณะที่ กำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2565 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย  เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบระยะสั้นจากสถานการณ์อุทกภัยในเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคอีสาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการก่อสร้าง และเลื่อนการส่งมอบงานออกไป อีกทั้ง เป็นช่วงฤดูฝนยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้บริษัทส่งสินค้าล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ในบางพื้นที่ ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบ จึงส่งผลให้กำไรปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะเห็นสัญญาณทิศทางธุรกิจที่ดี ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ งานโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการในปีงบประมาณใหม่ อีกทั้ง สถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลาย โครงการเมกะโปรเจกต์ของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ กลับมาดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติ อาทิ งานถนน งานสะพาน ประกอบกับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเร่งก่อสร้างเพื่อให้สามารถส่งมอบงานได้ตามแผนงาน ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขยายบริการธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เพื่อจำหน่ายคอนกรีต รวมทั้งให้บริการตรวจสอบคุณภาพคอนกรีตในพื้นที่โซนภาคอีสาน รองรับความต้องการเพิ่ม

“บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานโครงสร้างพื้นฐาน และงาน Landscape ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน พร้อมทั้งมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่กับการขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ ประกอบกับมุ่งเน้นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ผลักดันให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท” นายอาทิตย์กล่าว