ในปัจจุบัน สังคมไทยมีประชากกรในกลุ่ม LGBT ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี มากกว่า 3.4 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 5% ของประชากรในประเทศไทย และก็เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อ ซึ่งประชากรในกลุ่มนี้จะอยู่ด้วยกันเป็นคู่ และไม่มีลูก ดังนั้นเมื่อเข้าสู่สภาวะสูงอายุ ก็จะเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง และเลือกที่จะอยู่อาศัยภายในคอนโดมิเนียมเสียเป็นส่วนใหญ่ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนกลุ่มนี้นั้นสนใจอยู่ในคอนโดมิเนียมคือเรื่องของ facility ส่วนกลาง เช่น สวน ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ บริเวณทำกิจกรรมสังสรรค์

            

            ที่มา www.powerconstruction.net

                  การออกแบบที่คำนึงถึงรสนิยมของคนกลุ่มนี้ก็จะเปิดโอกาสทางการตลาดให้กับผู้พัฒนาได้มากขึ้น สิ่งที่สำคัญจากการอออกแบบที่พักแบบ LGBT-friendly ในต่างประเทศ คือการมุ่งเน้นที่ ความเชื่อใจ และ ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (camaraderie) ของผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในโครงการเดียวกัน อย่างเช่นการมี rooftop garden และสถานที่ในร่มที่ให้ผู้อยู่อาศัย มาพบปะ พักผ่อนหย่อนใจ และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ทำให้รู้จักกันและขยายกลุ่มเพื่อนๆ ให้มากขึ้น

            

            ที่มา www.pennrose.com

                  อีกหนึ่งไอเดียคือการมีสวนในโครงการ ที่ให้ผู้อยู่อาศัยนั้นมีส่วนร่วมในการออกแบบตั้งแต่ตัวอาคาร ไปจนถึงสวนในอาคาร ซึ่งสวนที่ออกแบบกันเองนั้นได้แสดงถึงตัวตนของผู้อยู่อาศัยในโครงการ นำมาซึ่งความภาคภุมิใจของผู้อยู่อาศัย การเลือกใช้โทนสีในการทำการตลาด และ การที่มีผู้ดูแลโครงการที่เข้าใจถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยกลุ่มนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดและสร้างโอกาสทางการตลาดสำหรับผู้พัฒนาโครงการได้

                  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องไม่มองหรือปฎิบัติต่อคนกลุ่มนี้ด้วยความแปลกแยกจากคนอื่นๆ ผู้พัฒนาต้องเน้นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่มที่อยู่ภายในโครงการเดียวกัน เคารพและยอมรับในการแสดงและเป็นตัวตน และ มองให้คนกลุ่มนี้กลมกลืนไปเฉกเช่นคนอื่นๆ ในสังคมเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ผู้พัฒนาโครงการกลายเป็น แบรนด์ ที่อยู่ในดวงใจของคนกลุ่มนี้และกลุ่มอื่นๆ ได้อย่างไม่ยากเลย