จาก EP 01 ภาพจากคนในวงการอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องจนถึงปลายยุคของดาวยุค 8 ค่อนข้างมืดมน เมื่อมองไปข้างหน้าถึงปัญหาเศรษฐกิจที่จะซบเซาต่อเนื่องจากผลของ Covid-19

ผู้ประกอบการหรือผู้บริหารจะทำอย่างไร

ผู้เขียนขอเสนอทางเลือกให้ท่านสองทาง

ทางแรก- Reactive

คือ ไม่ต้องทำอะไร รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน ค่อยมีปฏิกิริยาตอบโต้ แก้ไขสถานการณ์ตามปัญหาที่เข้ามากระทบองค์กร วิธีนี้ จีนมีสุภาษิตว่า “น้ำมา สร้างทำนบสู้”

การมองเหตุการณ์เลวร้ายไปทั้งหมด อาจเป็นการตีตนไปก่อนไข้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งพอสมควร เหตุการณ์ร้าย ๆ เช่นวิกฤตลดค่าเงินบาทปี 2540 ซับไพรม์ในปี 2551 ก็ผ่านมาได้ สาอะไรกับไข้หวัด Covid-19 ก็คงต้องผ่านไปได้เช่นกัน

 

เพราะอย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ถึงจะตกต่ำไปบ้าง ก็คงไม่นาน

การจะซบเซาต่อเนื่องถึง 4 ปี ดูจะเป็นความเห็นเชิงลบของคนในวงการมากไปหน่อย อาจไม่เกิดขึ้นนานขนาดนั้นก็เป็นได้

ทางสอง-  Proactive

เตรียมตัวรับสถานการณ์ตั้งแต่ยังไม่เกิดขึ้น ไม่รอให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นมา เป็นการกันปัญหาไม่ให้มีผลกระทบมากจนเกินแก้ โดยผู้ประกอบการหรือผู้บริหาร ควรใส่ใจกับ

  1. ตั้งสติ

เหมือนกัปตันเรือบรรทุกสินค้าที่เห็นพายุลูกใหญ่จากจอเรด้าร์ขณะพายุยังมาไม่ถึง ลูกเรือยังไม่ตระหนักถึงมหันตภัยที่กำลังคืบคลานมาใกล้ กัปตันต้องมีสติก่อน

อย่าตื่นตระหนก คุมสติไว้ ความคิดและสมองจะได้ปลอดโปร่งลื่นไหล เตรียมหาทางรับมือกับพายุที่กำลังมาถึง

  1. วิเคราะห์

มองให้ทั่วถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น ตัวช่วยหลักคือข้อมูลด้านการเงิน ดูสิว่าสายป่านยาวแค่ไหน บริษัทอยู่ได้บนรายได้ที่ลดลงได้กี่เปอร์เซ็นต์

หลักการที่แนะนำให้ใช้คือ Scenario Planning หรือการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

Plan A คือ สถานการณ์ที่ดีที่สุด (Best-Case Scenario) สำหรับกัปตันเรือที่กำลังเผชิญพายุ คือการนำเรือฝ่าพายุไปถึงที่หมายโดยเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด พายุนี้รุนแรง ต้องลดสัมภาระที่ไม่จำเป็น อุดรูรั่ว ลดสิ่งรุงรังออกให้หมด

นั่นคือสถานการณ์ที่บริษัทจะอยู่ได้บนรายได้ที่ลดลงจากปีที่แล้ว กี่เปอร์เซ็นต์

Plan B คือ สถานการณ์ที่น่าจะผ่านได้ (Most Likely Scenario) กัปตันยังนำเรือไปถึงจุดหมายได้ โดยเกิดความเสียหายต่อเรือและลูกเรือบางส่วน

ทำให้นึกถึงประธานบริษัทหัวเหว่ย ที่บอกให้พนักงานเตรียมตัวสำหรับยามยากที่อาจเกิดขึ้น เช่นเงินเดือนอาจถูกลดเหลือครึ่งเดียว พนักงานต้องรัดเข็มขัด กัดก้อนเกลือกิน แต่ถ้าผ่านไปได้ และสภาวะการเงินกลับมาเป็นปรกติ บริษัทจะชดเชยในสิ่งที่ตัดออกจากรายได้พนักงานคืนให้

Plan C คือ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด (Worst-Case Scenario) กัปตันเรือไม่สามารถนำเรือฝ่าพายุไปได้ ก่อนเรืออับปางต้องสละเรือใหญ่ลงเรือเล็ก เพื่อรักษาชีวิตตัวเองและลูกเรือให้รอดถึงฝั่ง

ถึงตอนนั้นบริษัทอาจต้องขายทรัพย์สินบางส่วนและชดเชยพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง บริษัทอาจถึงขั้นล้มละลายหรือปิดตัวเองในที่สุด

แม้ตอนนี้ Covid-19  ยังระบาดไม่ถึงที่สุด เอเชียเริ่มควบคุมการระบาดได้ แต่ยุโรปเริ่มมีปัญหาการแพร่ของโรค แต่นักเศรษฐศาสตร์เริ่มวิเคราะห์กันแล้วว่าหลัง Covid-19  อาจมีคนล้มละลายมากกว่าคนติดโรคนี้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จาก Plan A ไป Plan B ไป Plan C ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้ามคืน ต้องใช้เวลาพอสมควร ฉะนั้น การเลือกที่จะ Proactive  เป็นการเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อจะได้มีสติ ไม่เครียดจนตัดสินใจแบบขาดสติ อันจะนำมาซึ่งความเสียใจและเสียหายในภายหลัง

สรุป

ปัญหาทุกอย่างมองได้สองด้าน เหมือนเหรียญที่มีสองหน้า การตัดสินใจที่จะจัดการอย่างไรกับสภาพเศรษฐกิจหลัง Covid-19 ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการหรือผู้บริหาร ว่ามีมุมมองในเรื่องนี้อย่างไร

สำหรับหลักการ ที่เสนอให้ท่านวันนี้ มียุทธศาสตร์ (Strategy) ต่างกันคือ

Reactive คือ การรบแบบตั้งรับ

ส่วน Proactive คือ การรุกไปข้างหน้าเพื่อหาช่องว่าง

ท่านต้องตัดสินใจเองว่า จะรบกับศึก Covid-19 ข้างหน้าแบบไหน

(โปรดติดตามใน EPISODE หน้า ซึ่งเป็นตอนจบ)...