สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยเดือนเมษายน 2567 ยอดผลิตรถยนต์ 104,667 คัน ลดลง 11.02%  ยอดขาย 46,738 คัน ลดลง 21.49% ยอดส่งออก 70,160 คัน ลดลง 12.23% ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 644 คัน เพิ่มขึ้น 2,476% ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 3,900 คัน ลดลง 7.21%

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในเดือนเมษายน 2567 ยอดขายภายในประเทศมีจำนวน 46,738 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2567 ที่ 16.69% และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 21.49% เป็นผลจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงิน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอ ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมา จนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซีย  โดยตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2567 รถยนต์มียอดขาย  210,494 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกัน 23.90%

ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนเมษายน 2567 ส่งออกได้ 70,160 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 26.22% เพราะผลิตเพื่อส่งออกได้น้อยจากจำนวนวันทำงานน้อยในเดือนเมษายน ยอดส่งออกเท่ากับ 97.54% ของยอดการผลิตเพื่อการส่งออก จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดอเมริกาเหนือและตลาดยุโรป มีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 48,146.79 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเมษายน 2566 ที่ 4.02% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนเมษายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 69,274.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2566 ร้อยละ 5.79

ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 340,685 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกัน 3.66% ขณะที่มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 237,301.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ร้อยละ 8.71 จากกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ และอะไหล่รถยนต์ที่มีการเติบโต โดยรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – เมษายน 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 317,883.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – เมษายน 2566 ที่ 8.29%

ซึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดหวังว่าเมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้วหวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ซึ่งรัฐบาลก็ได้กระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนเมษายนแล้ว จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมากพอ ๆ กับอสังหาเพื่อให้อุตสาหกรรมมีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น