ปิดท้ายไตรมาสสามของปี 2566 ผมขอพาสมาชิก TerraBKK ไปหาทำเลศักยภาพเพื่อการลงทุนก่อนส่งท้ายปลายปีกันที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (Eastern Economic Corridor:EEC) ทำเลศักยภาพสหรับการลงทุนโดยเฉพาะแนวคิดในการพัฒนาทำเลนี้ให้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนสำหรับผู้สูงอายุ และเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาทำเลให้เป็นทำเลเพื่อสุขภาพ หรือ Senior-Wellness Living Center ภายในปี 2575

จากการสำรวจของ LWS เพื่อศึกษาดูตลาดที่พักอาศัยในทำเล EEC ในช่วงเดือนมีนาคม 2566  พบว่าโครงการในพื้นที่มีการออกแบบที่ส่งเสริมการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ (Senior Living) ไม่ว่าจะเป็นโครงการอาคาชุดหรือ บ้านพักอาศัยโดยมีการชูจุดเด่นทางด้าน Smart & Well-being Residence เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตในวัยสูงอายุและส่งเสริมสุขภาพ ถ้าเป็นโครงการอาคารชุด จะชูจุดเด่นในเรื่องของส่วนกลางที่เน้นพื้นที่สีเขียว พื้นที่ออกกำลังกาย รวมไปถึงนวัตกรรมของวัสดุภายในห้อง ในส่วนของบ้านพักอาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ ทาวน์โฮม เป็นแบบบ้านขนาดที่เน้นพื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชั่นตั้งแต่ 2 ห้องนอนขนาดใหญ่ จนถึง 4 ห้องนอน 2-3 ห้องน้ำ จอดรถได้ 1-2 คัน มีห้องนอนผู้สูงอายุชั้นแรกของบ้าน และระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน 

จะเห็นได้ว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยรอบพื้นที่ EEC เป็นการพัฒนาโครงการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีและตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุเหมาะสำหรับการเป็นที่อยู่อาศัยหลังการเกษียณอายุ(Retirement Residence)

จากผลการสำรวจของ LWS พบว่า ณ สิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2566 ในทำเล EEC มีจำนวนหน่วยคงเหลือของอาคารชุด3,661 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 36% ของจำนวนโครงการที่เปิดตัวทั้งหมด 21 โครงการจาก 10,094 มีราคาขายดี 1-2 ล้านบาท เฉลี่ย 40,000-70,000 บาทต่อตร.ม. มีอัตราการขายได้ดีในทำเลเกือบทุกทำเล ได้แก่ ฉะเชิงเทรา อมตะซิตี้ อ.เมืองชลบุรีและ แหลมฉบัง โดยห้องชุดทีได้รับความนิยมคือ 1 ห้องนอน 23-35 ตร.ม. ประกอบกับในบางโครงการมีโปรแกรมสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะ มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 6% จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติอีกด้วย และจากผลการสำรวจพบว่าความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในทำเล EEC มีสัดส่วนที่สูงโดยอัตราการเช่าอพาร์ทเมนท์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ มีสัดส่วนเฉลี่ยถึง 90% สะท้อนถึงความต้องการที่พักอาศัยในทำเล โดยมีราคาค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,500-9,000 บาทต่อหน่วยสำหรับห้องชุดขนาด 26-30 ตารางเมตร

ขณะที่บ้านพักอาศัยทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ ทาวน์เฮ้าส์ มีหน่วยคงเหลือ 5,834 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 51% จากทั้งหมด 48 โครงการ จำนวน 11,366 ทั้งหมดต้องใช้ระยะเวลาในการขายประมาณ 1-4 ปี ขึ้นอยู่กับทำเลและระดับราคา มีอัตราการขายได้ดีในบางทำเล ได้แก่ บางปะกง อ.เมืองชลบุรีและ แหลมฉบัง โดยระดับราคาที่ขายดีที่สุดเป็นระดับราคา 2-5 ล้านบาท ที่ได้รับความนิยมจะเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว

ด้านกำลังซื้อในทำเลดังกล่าว จากผลการสำรวจพบว่าเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อในทำเลนี้เป็นทั้งกลุ่มนักลงทุนและพนักงานที่ทำงานอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรม ที่มีระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000-50,000 บาทต่อเดือน ในขณะเดียวกันจากแผนการพัฒนาพื้นที่ EEC คาดว่าจะมีการเคลื่อนย้ายของประชากรเพื่อเป็นกำลังแรงงานในทำเลนี้ไม่น้อยกว่า 350,000 คนในปี 2575 โดยการเคลื่อนย้ายประชากรดังกล่าวถ้ามีสมาชิกในครอบครัวอพยพมาอยู่ด้วยจะทำให้มีประชากรเพิ่มขึ้นในทำเลแตะหลักล้านคน ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการเช่า จึงเป็นโอกาสสำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ ทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน

จากมุมมองด้านกำลังซื้อเทียบกับปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบันและในอนาคต ผมว่า การลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลนี้จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และในขณะเดียวกันเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะหาซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการเกษียณอายุเนื่องจากพื้นที่ EEC เป็นทั้งแหล่งงานและเป็นทำเลที่ถูกออกแบบและวางแผนในการพัฒนาให้เป็นเมืองอัจฉริยะเพื่อการอยู่อาศัยให้มีสุขภาวะที่ดีเพื่อผู้สูงอายุ(Smart Wellbeing Residence) ใครที่กำลังมองหาทำเลเพื่อการลงทุนในราคาที่ถูกกว่าการลงทุนในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ผมแนะนำทำเล EEC ลองไปดูกันนะครับ

แล้วพบกันใหม่เดือนตุลาคม สวัสดีครับ

 

บทความโดย นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ
กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด