ประเทศไทยในวันที่ 23/7/2564 พบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,575 ราย เสียชีวิตสะสม 3,502 ศพ (คิดเป็น 0.005% ของประชากรไทย 69.63 ล้านคน)  สำหรับประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อรวม 34,285,360 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด  609,870 คน (คิดเป็น 0.185% ของประชากรสหรัฐอเมริกา 328.2 ล้านคน) หากเปรียบเทียบยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดไทยคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.57 ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น การเฝ้าตัดพ้อต่อว่าประเทศตนเองว่า ระบบสาธารณสุขล่มสลายจึงดูเกินกว่าเหตุ หรือเกินความเป็นจริง และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ได้!!


ขอบคุณข่อมูลจาก Google NEWS

การประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก โดย Collette Wheeler Economist, Prospects Group, World Bank JUNE 08, 2021 ข้อมูลจาก The Global Economic Outlook in five charts คาดการณ์ดังนี้  
ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.6% ในปี 2021 ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตหลังภาวะวิกฤตที่สูงที่สุดในรอบ 80 ปี แต่อัตราการเติบโตก็ยังสูงแค่เพียงในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ส่วนกลุ่มประเทศยากจนก็ยังคงมีปัญหาอยู่ ส่วนในกลุ่มประเทศ emerging market and developing economies (EMDE) นั้นมีการคาดการณ์ว่าอัตรา per capita income loss นั้นจะยังคงมีอยู่ต่อไปในปี 2022 ดังนั้น policymakers ของแต่ละประเทศต้องทำ คือ การปฏิรูปการเติบโตของเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น มีการบูรณาการ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

1. เศรษฐกิจทั่วโลกจะเติบโตขึ้นในปี 2021 ด้วยปัจจัยหลักจากการพลิกฟื้นของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกนั้นได้ขึ้นอยู่กับประเทศเศรษฐกิจหลักอย่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน โดยที่กลุ่มประเทศอื่นๆ เช่นในกลุ่มประเทศ EMDE นั้นยังคงตามหลังอยู่ มีการคาดการ์ณว่า สหรัฐอเมริกา และ จีน นั้นจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถึง ¼ เลยทีเดียว โดยสหรัฐอเมริกานั้นจะส่งผลเป็นสามเท่าของในช่วงปี 2015-19 เลยทีเดียว

2. การได้รับวัคซีนก็ยังมีผลอย่างมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
ปัจจัยหนึ่งที่มีผลสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2021 คือการได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ซึ่งทำให้ประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจหลักสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกัน หลายๆประเทศยังคงประสบปัญหาขากแคลนวัคซีน และมีเคสของโควิด 19 เพิ่มขึ้น ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจนั้นชะลอตัว

3. ผลผลิตของโลกจะเติบโตขึ้นแต่จะไม่ถึงในระดับที่ได้คาดการณ์ไว้เพราะกลุ่มประเทศที่ยากจนยังประสบปัญหาอยู่
ในปี 2020 ผลผลิตของโลกจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ราวๆ 2 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากหลายๆประเทศยังคงประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีน และมีเคสไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

4. วิกฤตโควิดทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก และประเทศอื่นๆ
รายได้ต่อหัวประชากรในหลายประเทศจะยังคงตามหลังกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ทำให้ความใกล้เคียงของรายได้ระหว่างสองกลุ่มประเทศนี้นั้นยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยากจน

5. การปฏิรูปการเติบโตของเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น มีการบูรณาการ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้องคำนึงถึงความท้าทายทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิดและ climate change
การออกนโยบายต่างๆ ต้องคำนึงถึงความเท่าเทียมและความยั่งยืนของสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น มีการบูรณาการ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลงทุนใน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีการเกษตร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บวกกับการออกข้อบังคับที่ช่วยอนุรักษ์พลังงาน จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนซึ่งจะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้

เห็นแล้วว่าการคาดการณ์การเติบโดทางเศรษฐกิจของ World Bank ใช้อัตราการฉีดวัคซีนเป็นตัวแปรหลักในการกำหนดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ในขณะนี้ประเทศไทยมีอัตราผู้ฉีดวัคซีนต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร์ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ต้องทำในปีนี้คือ เร่งให้ทุกคนฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันให้มากที่สุด แนวทางในการเร่งฉีดวัคซีนสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์หรือนางพยาบาลฉีดเท่านั้น ขอนำเสนอดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ อสม. ฝึกฝนให้สามารถฉีดได้
2. Vaccine Mobile Clinic จัดรถแห่ลงพื้นที่กระจายทุกทำเล ได้ทั้ง รถเมลล์ รถตู้ ที่ประสบปัญหาไม่มีลูกค้าจ้างมาจัดทำเรื่องนี้
3. ร้านขายยา ที่มีเภสัชกรประจำร้านกระจายให้ฉีดได้
4. คลินิก 30 บาทรักษาทุกโรค กระจายอยู่ตามชุมชน
5. พรรคการเมืองทุกพรรคสั่งซื้อวัคซีนได้เอาไปจัดการฉีดแจกกันเอง (ทุกพรรคมีมีว่าที่ผู้สมัครอยู่ทุกพื้นที่ วิ่งกราบสวัสดีทุกบ้านอยู่แล้ว

ประเทศไทย ควรต้องไปต่อด้วย การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมโครงสร้างพื้นฐานใหม่หมด โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานเรื่องโครงสร้างอาชีพ โครงข่ายเทคโนโลยี และโครงสร้างสิ่งแวดล้อม ทำอย่างไรให้ประเทศไทยของเราเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประชากรโลก และเราต้องเปิดประเทศรับคนต่างชาติเข้ามาทำงานสร้างสมองใหม่ให้กับคนไทยให้แข่งขันในระดับโลกได้

พื้นที่อิสระของคนรุ่นใหม่ Gen Z และ Y ที่ชีวิตคือการออกนอกบ้าน เกิดมาในยุคที่สะดวกสบายเดินทางด้วยรถไฟฟ้า เดินห้างสรรพสินค้า เข้าร้านคาเฟ่ถ่ายรูป การสร้างพื้นที่อิสระที่ก่อให้เกิดการรวมกลุ่มแบบสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมให้กับสังคม ต้องจัดหาให้พวกเค้า คงต้องมีแคมเปญใหม่ “วัยรุ่นไทยห่างไกลการเมือง” แทน “วัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด”

“วัคซีน” อาจจะเป็นอาวุธสงครามใหม่ของประเทศมหาอำนาจ ที่ไม่เคยยอมให้เอเชีย ผงาด!!