การขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เกินราคาเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน ซึ่งกองสลากเตรียมทำประชาพิจารณ์การออกสลากออนไลน์รูปแบบใหม่ให้ประชาชนเลือก จำนวน 4 รูปแบบ หวังแก้ไขปัญหาการขายเกินราคา

ข้อมูลจาก TMB ระบุว่าในปี 2018 คนไทย 1 ใน 4 หรือประมาณ 20 ล้านคน ซื้อลอตเตอรี่และหวยรวมกัน 250,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 3 เท่าของมูลค่าซื้อกองทุน LTF และ RMF หรือเทียบเท่ากับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยคนไทยกว่า 9 ล้านคน เข้าขั้นเสพติดหวย แบ่งเป็นชื่นชอบ 7.6 ล้านคน และติดหวย 1.3 ล้านคน แสดงให้เห็นว่า คนไทยยังมีความหวังเสี่ยงโชคจากลอตเตอรี่

“สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล”เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2562 ถือเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้นำส่งรัฐสูงสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนเงินกว่า 41,000 ล้านบาท พร้อมการออกสลากฯ การกุศลให้กับหน่วยงานต่างๆ กว่า 16 หน่วยงาน คิดเป็นมูลค่าร่วม 8,000 ล้านบาท  และยังนำรายได้ที่ส่งเข้ากอง 3-4% มาช่วยเหลือและดูสังคม โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและสาธารณสุขด้วย

ล่าสุด กองสลากฯ พร้อมที่จะรีเเบรนด์ครั้งเเรกในรอบ 80 ปี ทำให้ทันสมัยขึ้นเเละเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ เพื่อเตรียมเข้าสู่ตลาดออนไลน์เต็มที่  โดยให้เรียกชื่อกองสลากฯ ว่า “GLO” 

 

        นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะประธานคณะกรรมการสื่อสารองค์กร ระบุว่า การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสำนักงานสลากฯ ในรอบ 80 ปีครั้งนี้ จะต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เน้นการสื่อสารเเบบใหม่ ให้ผู้ซื้อเเละผู้จำหน่ายสลากฯ ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือสังคม  ซึ่งขณะนี้กำลงัมีการพิจารณาสลากฯ ออนไลน์ 4 เเบบมาให้เป็นทางเลือก ประกอบด้วย สลาก 12 นักษัตร, สลากออนไลน์ตัวเลข 3 ตัว, สลากลอตโต้ และสลากตัวเลข 6 หลักเดิม ใช้รูปแบบผู้จำหน่ายคนเดิม ด้วยการจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเข้าไปแก้ไขการขายเกินราคา 80 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาให้ครบถ้วนเพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง

แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จำเป็นต้องรอให้คลี่คลายลงก่อน จึงจะเริ่มการเปิดทำประชาพิจารณ์ภายในปีนี้ และหลังจากนั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการผลักดันสลากออนไลน์ โดยเสนอผ่าน 3 ขั้นตอน คือ ยกร่างประกาศกฎกระทรวง นำไปรับฟังความเห็น และเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป 

 

ที่มา : สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล