นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการบริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท  คอนซัลแทนซี่ จำกัด  หรือ ARE บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ กล่าวว่า ในปี 63 คาดว่ากลุ่มผู้ซื้อจากประเทศจีนจะยังชะลอตัวลดลงต่อเนื่องจากปี 62  จากผลสงครามการค้า จีน-สหรัฐฯ ซึ่งกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก และยังถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของ “เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19)” ที่ส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย โอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯในไทย เนื่องจากลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาฯไทย ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะโครงสร้างลูกค้าหลักของบริษัทแองเจิลฯ ประมาณ 50% มาจากจีน รองลงมา 40% มาจากประเทศโซนเอเชีย และอีก 10% มาจากทวีปยุโรป ซึ่งกลุ่มผู้ซื้อที่ครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ของบริษัท มีจำนวน 2,000 หน่วย(ยูนิต) มูลค่า​14,000-15,000 ล้านบาท จากยอดขายที่รอโอน (backlog) ที่บริษัทมีอยู่ในมือราว 3,000 ยูนิต มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท

          โดยช่วงที่มีปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้ลูกค้าชาวจีนไม่เดินทางมาไทย ประกอบกับมีปัญหาเรื่องการโอนเงินออกนอกประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ลูกค้าเลื่อนการโอนออกไป ทั้งนี้บริษัทฯได้พูดคุยกับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯทั้งหมด  เพื่อให้ช่วยยืดเวลาการโอนออกไปตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อช่วยลูกค้าในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด ส่วนลูกค้าที่สามารถโอนได้ตามเวลาก็จะมีโปรฯพิเศษมอบให้เพิ่มเติม ซึ่งลูกค้าชาวจีนจะกลับมาโอนหลังสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่น่าจะคลี่คลายลงราวกลางปีนี้ สำหรับการยืดการโอนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการยึดคืนสัญญาซื้อขาย ปล่อยให้เกิดการทิ้งเงินดาวน์ 30% และช่วยคลี่คลายปัญหาสต็อกที่อยู่อาศัยล้นตลาด ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีซัพพลายคงค้างในตลาดราว 2 แสนยูนิต ต้องใช้เวลาระบายออกประมาณ 2 ปี จากสภาพตลาดและเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย 

        "ทั้งนี้มองว่าลูกค้าจีนจะกลับมาซื้อคอนโดฯมากขึ้นในช่วงกลางปีไปจนถึงปลายปี เพราะคนจีนส่วนใหญ่หลังเผชิญปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด เตรียมวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เพื่อรองรับปัญหาในอนาคต โดยไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะเข้าไปขยายตลาด ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ต้องการมีบ้านในไทย ในรูปแบบสัญญาเช่าระยะยาว (ลีสโฮลด์)  30 ปี ในทำเลกรุงเทพกรีฑา บางนา ศาลายา พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต"

      พร้อมปรับกลยุทธ์ ขยายฐานลูกค้าสร้างพอร์ตธุรกิจในประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น , มาเลเซีย , บรูไน และประเทศตุรกี กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมา รวมถึงฮ่องกง และไต้หวัน ทดแทนตลาดจีน รวมทั้งมีแผนหันมาทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น เพราะภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปีนี้ ยังฟื้นตัวค่อนข้างช้า เนื่องจากความต้องการซื้อลดลง รวมถึงคอนโดปรับราคาสูงขึ้นมาก ดังนั้นจึงต้องช่วยการทำตลาดโดยการลดราคา เพื่อกระตุ้นการซื้อขายกับตลาดลูกค้ากลุ่มคนไทยได้  และได้ขยายขยายธุรกิจใหม่ เป็นนายหน้าเจรจากับเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งบริษัทจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่มีโรงงานอยู่ในประเทศจีน ย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ซึ่งเพียงพอรองรับการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศได้จำนวนมาก 

 

        อย่างไรก็ดี บริษัทฯโดยวางเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมภายในประเทศไทยประมาณ  900-1,200 ยูนิต มูลค่าการขาย 4,000-5,000 ล้านบาท  ลดลงจากปีก่อน 25% ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 ล้านบาท มีโครงการทั้งในทำเลสุขุมวิท , พระราม9 และจรัญสนิทวงศ์ 70 เป็นต้น โดยบริษัทจะทำตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดเชียงใหม่ และเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้กลยุทธ์ในการขยายตลาดในธุรกิจใหม่ๆประสบความสำเร็จทั้งในประเทศ และรวมกับจากต่างประเทศ ก็คาดว่าในปีนี้ทั้งกลุ่มจะมียอดขาย 8,000-9,000 ล้านบาท

 

ข้อมูลจาก : บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท  คอนซัลแทนซี่ จำกัด  หรือ ARE