RT เผยแนวโน้มไตรมาส 1/65 เดินหน้าคว้างานใหม่ต่อเนื่อง 9 โครงการ งานอุโมงค์ดินอ่อน, งานเจาะสำรวจ และ งาน Slope Protection มูลค่ารวม 1,839 ล้านบาท ดัน Backlog ปี 65 แตะ 8,500 ล้านบาท พร้อมลุ้นงานอุโมงค์ส่งน้ำ และ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ สปป.ลาว มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างและน้ำมันท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และ สงครามรัสเซีย-ยูเครน

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากความคืบหน้าในการเร่งดำเนินการก่อสร้างงานในมือให้แล้วเสร็จและส่งมอบงานตามกำหนด ได้แก่ งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา ความคืบหน้า 89.98%โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ ความคืบหน้า 85.71%งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก กรมชลประทาน จ.เลย ความคืบหน้า 30.37% และ โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ความคืบหน้า 72.20% เป็นต้น

อีกทั้งบริษัทมีโครงการที่เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/65 ได้แก่ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ จ.กรุงเทพมหานครโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 42 อ.นาทวี จ.สงขลา โดยจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2566 และทำให้บริษัทมียอดรับรู้รายได้ (Backlog) ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 6,059.54 ล้านบาท

 ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเข้ารับงานใหม่อย่างต่อเนื่องในประเภทต่าง ๆ อาทิ งานประเภทอุโมงค์ดินอ่อน, งานเจาะสำรวจ และ งาน Slope Protection โดยแบ่งเป็นงานที่ลงนามสัญญาแล้วจำนวน 4 โครงการ และ งานที่อยู่ระหว่างรอเรียกลงนามสัญญาจำนวน 5 โครงการรวมทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ารวม 1,839 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/65 เป็นต้นไป และส่งผลให้ปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ปี 2565 เติบโตตามเป้าหมายที่ 8,500 ล้านบาท ถือเป็นสถิติใหม่สูงสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มต่อเนื่อง รวมถึงเข้ารับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ประเภทอุโมงค์ อีกทั้งอยู่ในขั้นตอนการเจรจาจากผู้รับเหมาหลักในการเข้ารับงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/65

“บริษัทคาดว่าปีนี้จะเห็นการเติบโตที่ดีจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นและทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์รวมถึงเครื่องจักรเฉพาะทางเพื่อรองรับงานที่หลากหลาย ขณะเดียวกันบริษัทมีการประเมินแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างจากสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 พร้อมเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อลดต้นทุนด้านราคาวัสดุก่อสร้างและน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม

ขณะที่ผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 2,492 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,861 ล้านบาท จำนวน 369 ล้านบาท หรือ ลดลง 12.89 % และ มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 238 ล้านบาท จำนวน 196 ล้านบาท หรือ ลดลง 82.56 %

รวมถึงมีมติจากคณะกรรมการบริษัทในการออกและเสนอจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (RT-W1) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จัดสรรแบบไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 1 (RT-W1) ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 (Record date) ทั้งนี้จะมีขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 25 เมษายน 2565