คุณอรอนงค์ ชัยธง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด
ผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT)

การลงทุนที่ออกแบบได้ เป็นแบบของเราเอง จากเทคนิคของการลงทุนธรรมดา ๆ ที่ อิงหลัก "ธรรมชาติ"  ทำให้การลงทุน เป็นเรื่องสนุก สบาย ไม่ปวดใจในแบบของตัวเอง
……………………………………………….

โควิด-19 อยู่กับเรามา 1 ปีกว่าแล้ว ส่วนตัวผู้เขียนเองไม่ชินกับมันสักที อาจจะเพราะปัจจุบันมีการให้ข้อมูลข่าวสารออกมาหลายแง่มุม ชวนติดตาม ชวนให้กังวล และน่าสนใจไปพร้อมกัน มีการส่งต่อกันอย่างทั่วถึงไปทุกสาขาอาชีพ สำหรับในประเทศไทย การระบาดในระลอกที่ 3 นี้ ดูจะหนักหนาสาหัส ทั้งในแง่ของการติดเชื้อที่รวดเร็วขึ้น ง่ายขึ้น และผลกระทบจากการติดเชื้อ ทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้น

สำหรับนักลงทุนแบบเราๆ การอยู่กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่กระทบกับตลาดภาคการเงิน ตลาดหุ้นอันอ่อนไหวนี้ ก็คงไม่แปลกที่จะตอบรับกับข่าวสารอย่างรวดเร็ว การขึ้นๆ ลงๆ ของหุ้นแต่ละตัวในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้หัวใจช่วงนี้ก็จะเต้นผิดจังหวะบ่อยหน่อย

การลงทุนที่ต้องเตรียมใจกับตลาดที่ขึ้นๆ ลงๆ นี้ เราจะได้ยินบ่อยว่า คนที่ได้รับขนานนามว่าเป็น “เซียน” หลายท่าน หันหน้าเข้าหาทางธรรมมากขึ้น ทั้งการเจริญสมาธิ เพื่อสร้างสติมองการขึ้นลงของแต่ละตลาดให้เป็นปัจจุบัน ไม่เสียใจกับเหตุการณ์หรือการตัดสินใจที่ผ่านมา ไม่คาดเกณฑ์เกินจริงกับอนาคต เกิดปัญญาในการลงทุน มองเห็นธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องอย่างเข้าใจและยอมรับ ก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจกับสถานการณ์นี้

สำหรับธรรมะกับการลงทุนแล้ว ถ้าสมัยก่อนอาจจะมองเป็นคนละขั้วกันเลย เพราะคนก็มักจะตีความธรรมะเป็นเรื่องของการปล่อยวาง การไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากจะขวนขวายอะไรแล้ว ซึ่งการเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิดอะไร เพราะนั่นเป็นขั้นสูงสุดของการศึกษาธรรมะ แต่กับคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่าน ๆ ที่ยังทำมาหากินจับจ่ายใช้สอยเลี้ยงชีพ ก็ยังไม่สามารถไปไกลถึงขั้นนั้นได้ การเอาธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวันก็น่าจะเป็นไป ในระยะการบรรเทาเบาบางความทุกข์จากการใช้ชีวิตและส่งให้เดินตามทำนองคลองธรรมมากกว่า ซึ่งธรรมะตามความหมายของผู้เขียนคือ “ธรรมชาติ” นั่นคือการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ต้องตั้งต้นจากการเห็นตามความเป็นจริง ตามธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ ก่อน การลงทุนก็เช่นเดียวกัน การเห็นธรรมชาติของแต่ละตลาดที่มีความผันผวนตามธรรมชาติของมัน ผันผวนตามข่าวตามเหตุการณ์ รวมไปถึงการเข้าใจในธรรมชาติของเงินที่เราใช้ในการลงทุนว่า เป็นเงินที่ลงทุนได้ในระยะยาว หรือ เป็นเงินที่ต้องเอามาใช้จ่ายในเร็ววันนี้ ควรจะเลือกนำไปลงทุนในรูปแบบใด ที่มีความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงต่ำ หรือดูในแง่ของผลตอบแทนที่จะได้รับสม่ำเสมอ และสุดท้ายต้องเข้าใจธรรมชาติของนิสัยใจคอตัวเอง ว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ระดับใดที่เรารับได้ ที่จะไม่เดือดร้อนกับทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ไม่ก่อให้เกิดภาวะกินไม่ได้นอนไม่หลับได้อย่างไร

ยกตัวอย่างเพื่อนของผู้เขียน มีเงินเก็บสำหรับให้ลูกชายตัวน้อยไว้เป็นการศึกษาในอนาคต แต่ไม่อยากฝากธนาคารไว้เฉยๆ อยากจะนำมาลงทุนให้ชนะดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ต้องมีความเสี่ยงน้อย มีผลตอบแทนสม่ำเสมอ ผู้เขียนเองก็แนะนำให้ลองศึกษาการลงทุนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่รับได้ กับธรรมชาติของเงินที่มี ธรรมชาติของนิสัยตนเองที่จะสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่ง REIT เองก็เป็นเครื่องมือทางการเงินอีกอย่างหนึ่งที่มีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สามารถนำมาใช้กระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้ และจากบทความที่เขียนไปเมื่อครั้งที่แล้ว “หลักการในการเลือกลงทุนในกองรีท” ก็น่าจะพอช่วยในการตัดสินใจได้บ้าง

การเข้าใจในธรรมชาติของตลาดแต่ละตลาดที่เราจะลงทุน เข้าใจธรรมชาติของเงินที่เราจะใช้ในการลงทุน เข้าใจธรรมชาตินิสัยใจคอของเราเองที่จะรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว การทำจิตใจให้มีสติให้ยอมรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ภายหลังจากการตัดสินใจนั้นก็สำคัญ  การยอมรับกับเงินที่หายไป หรือการเพิ่มขึ้นแค่ชั่วข้ามคืน หรือสำหรับบางสินทรัพย์เป็นรายชั่วโมงด้วยซ้ำ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งอย่างที่เล่าไว้ช่วงแรก ถ้าเรารู้ธรรมชาติของเงินที่เราใช้ในการลงทุนแล้ว บวกกับนิสัยเราเองที่รับความเสี่ยงได้แค่ไหน การตัดใจ หรือรอคอย การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเงินก็น่าจะบรรเทาเบาบางความกังวลไปได้

เราจะเห็นเซียนหลายๆ ท่านใช้การนั่งสมาธิเป็นการสร้างสติ ต่อยอดให้เกิดปัญญาในการสรรหาหุ้นหรือรูปแบบการลงทุนที่มีคุณภาพ ไม่แตกตื่นไปกับข่าวที่หาความจริงไม่ได้ หรือถ้ามีก็ใช้ปัญญาในการหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ความจริงนั้นอย่างมีสติ หากจะมีเงินที่หายไปจำนวนมาก ภายในไม่กี่วันก็ยอมรับกับการตัดสินใจ รู้จุดที่จะตัดสินใจขายหรือจะอยู่ต่ออย่างรอบคอบ และถ้าตัดสินใจแล้วก็ต้องยอมรับกับผลของมัน แบบไม่ตีโพยตีพายโทษสิ่งต่างๆ ให้เกิดทุกข์ รับกับผลของมันได้อย่างสบาย ไม่ทุกข์ร้อนมากเกินไป เพราะสติเป็นเบื้องต้นของการมองทุกอย่างตามความเป็นจริงและเข้าใจในธรรมชาติของทุกสิ่งอย่างมีปัญญา อย่างเข้าใจ ช่วยให้คนธรรมดาแบบเราๆ ที่ยังมีความโลภ มีความอยากได้อยากมี ให้สามารถมีความสุขอยู่ได้ในตลาดที่ผันผวนขั้นรุนแรงในสถานการณ์ปัจจุบัน

1.ธรรมชาติของแต่ละตลาด : ตลาดมีความผันผวนตามธรรมชาติ ผันผวนตามข่าวตามเหตุการณ์

2.ธรรมชาติของเงิน : เงินที่ลงทุนได้ในระยะยาว หรือ เป็นเงินที่ต้องเอามาใช้จ่ายในเร็ววันนี้

3. ธรรมชาติของนิสัยใจคอตัวเอง : รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน

เมื่อตัดสินใจลงทุน

1.ใช้สติ ในการคัดเลือกสินทรัพย์ที่เราจะลง ไม่เชื่อข่าวสารมากเกินไปโดยไม่เข้าใจในสินทรัยพ์ตัวนั้นจริง ๆ

2.ใช้ปัญญาพิจารณา ให้สอดคล้องกับธรรมชาติด้านบนว่าเหมาะสมกับเราหรือไม่

3.และเมื่อเกิดเหตุการณ์ความผันผวนก็ต้องใช้สติและปัญญาตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ หรือพอแค่นี้ กับสินทรัพย์ที่เราลงทุน

สุดท้ายต้องยอมรับผลของการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้น