“ดอกบัวงอกงามขึ้นมาจากตมและน้ำ ฉันใด มนุษยชาติก็อาจเติบโตและงอกงามขึ้นมาจากวิกฤตการณ์ ฉันนั้น”

ท่านเจ้าคุณพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) พระนักคิด นักเขียน นักพัฒนาสังคมชื่อดัง ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน และผู้ดำรงตำแหน่ง UNHCR PATRON เผยแผ่บทความเชิงสร้างสรรค์เชิญชวนประชาคมโลกมองวิกฤติ โควิด 19 ว่าเป็นโอกาสทองของมนุษยชาติ ๙ ประการ โดยมีเนื้อหา ดังต่อไปนี้

จอห์น เอฟ เคเนดี เคยกล่าววรรคทองไว้คราวหนึ่งว่า “ในภาษาจีน คำว่า ‘วิกฤตการณ์’ (crisis) เกิดจากการประกอบกันของอักษรสองตัว คือ ตัวหนึ่งแทนคำว่า ‘อันตราย’ (danger/เวย危) และอีกตัวหนึ่งแทนคำว่า ‘โอกาส’ (opportunity/จี机)” หากเราเชื่อในคำกล่าวนี้ วิกฤติการณ์ที่เกิดจากไวรัสโควิด 19 ก็น่าจะมาพร้อมกับโอกาสบางอย่าง และต่อไปนี้ คือ โอกาสที่ผู้เขียนพอจะมองเห็นและอยากเชิญชวนให้เรามาลองคิดหาโอกาสจากวิกฤติคราวนี้ในมุมมองอื่น ๆ ร่วมกัน

๑. สหประชาชาติ : นี่คือโอกาสที่องค์กรระดับโลกแห่งนี้จะได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแสวงหาความร่วมมือจากผู้นำประเทศ รัฐบาล องค์กรระดับโลก แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ปัญญาชนชั้นนำทั่วโลก เพื่อร่วมกันศึกษา ค้นคว้า วิจัย เวชภัณฑ์ยา และแสวงหาทางออกที่ยั่งยืนมากกว่าการเยียวยาปัญหาเฉพาะหน้า รวมทั้งนำพามนุษยชาติให้ก้าวออกมาจากวิกฤติมวลรวมประชาชาติครั้งแรกของศตวรรษที่ ๒๑ ที่กินพื้นที่ครอบคลุมแทบทุกภูมิภาคของโลก

๒. รัฐบาลของทุกประเทศ : นี่คือโอกาสที่ผู้นำรัฐบาลของทุกประเทศจะได้แสดงออกซึ่งภาวะผู้นำในการบริหารประเทศในยามวิกฤติ ไม่มีโอกาสไหนอีกแล้วที่ท่านจะแสดงให้ประชาชนผู้เลือกท่านเข้ามาเป็นผู้แทนของตนเองได้เห็นว่าท่าน มีฝีมือในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองเท่าครั้งนี้ หากครั้งนี้ท่านสามารถนำพาประเทศชาติก้าวข้ามวิกฤติได้อย่างทันท่วงที และ มีผลยั่งยืน ท่านก็จะได้กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่หากท่านสักแต่ว่าทำงานไปตามระบบ ไม่มีนวัตกรรมใด ๆ ในการบริหารออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ ก็เท่ากับว่า ท่านได้พลาดโอกาสที่จะกลับมาสร้างประวัติศาสตร์บนตำแหน่งผู้นำในสมัยต่อไป

๓. นักการเมืองทุกคนจากทุกพรรค : นี่คือโอกาสที่ท่านจะแสดงออกซึ่งวิสัยทัศน์ในการรับใช้ประชาชนของท่านอย่างสุดความสามารถ ท่านควรวางมือจากความขัดแย้งส่วนตัว จากผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม และจากความรู้สึกเชิงแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายทั้งหมด หันมาหลอมรวมใจให้เป็นหนึ่งเพื่อนำเอาศักยภาพทางสติปัญญาออกมารับใช้ประชาชนให้ดีที่สุดให้สมกับที่ประชาชนคาดหวังจากท่าน

๔. มหาเศรษฐี นักธุรกิจ นักลงทุน ชนชั้นนำของประเทศ : นี่คือโอกาสที่ท่านจะแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจของท่าน พักความเป็นนักธุรกิจของท่านไว้ชั่วคราว ก้าวออกมาสวมหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ที่รู้ร้อนรู้หนาวต่อเพื่อนร่วมโลก, ประเทศชาติ ประชาชน โรงพยาบาลทุกแห่ง ต้องการศักยภาพในการแก้ปัญหาจากท่านอย่างยั่งยืนทั้งด้านองค์ความรู้ เงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากรมืออาชีพในองค์กรของท่าน มากกว่าการทำกิจกรรมระดับ CSR ขอให้มหาเศรษฐีใจบุญ นายทุนใจดี เศรษฐีนีใจพระทั้งหลาย สลายความเป็นฝักฝ่ายทางธุรกิจ แล้วใช้จิตสำนึกของพระโพธิสัตว์ที่เบิกบานในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ ก้าวออกมาร่วมกันเยียวยาวิกฤติของมนุษยชาติไปด้วยกัน

๕. แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางด้านสาธารณสุข : นี่คือโอกาสในการแสดงออกซึ่งความเป็นมืออาชีพของผู้ชำนาญการเฉพาะด้านที่ได้รับการฝึกหัดพัฒนามาอย่างเป็นอย่างดี คือนาทีทองของการรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยจิตสำนึกสาธารณะ คือวันเวลาของการบำเพ็ญบารมีเพื่อยกใจให้ประเสริฐสูงส่งดั่งแนวคิดที่ว่า “คุณค่าของคน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการน้อมตนลงรับใช้เพื่อนมนุษย์ ยิ่งรับใช้เพื่อนมนุษย์ได้มากเท่าไหร่ คุณค่าของชีวิตก็มีมากมายเพิ่มขึ้นเท่านั้น”

๕. ศิลปิน ดารา ผู้มีชื่อเสียง ผู้ทรงอิทธิพลที่มีต้นทุนทางสังคมสูง : นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่ท่านจะได้คืนกำไรให้กับประชาชนผู้นิยมชมชอบในตัวท่าน ผู้สนับสนุนท่านผ่านผลงานการแสดง การร้องเพลง การสร้างงานศิลปะ การติดตามความคิดความอ่านของท่านมาอย่างยาวนาน ด้วยการลงแรงสร้างสรรค์ผลงาน หรือการสื่อสารผ่านสาธารณะ หรือด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ท่านถนัด แสดงความรู้สึกขอบคุณจากท่านสู่แฟน ๆ ที่สนับสนุนท่านด้วยการ “เปลี่ยนความดังมาสร้างความดี” หรือ “เปลี่ยนชื่อเสียงเป็นกำลังใจ เป็นเงินทุนสนับสนุนการค้นคว้าวิจัย และจัดซื้อเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ และหน้ากากแจกจ่ายไปยังประชาชน”

๖. สื่อมวลชน ปัญญาชน นักคิด นักเขียน : นี่คือโอกาสที่ท่านจะแสดงออกซึ่งความเป็นมืออาชีพด้านการสื่อสาร ด้านการคิดวิเคราะห์หาทางออกให้กับสังคม ประเทศ และมนุษยชาติ ใช้ศักยภาพอันแหลมคมของท่านเพื่อร่วมกันสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ที่ถูกต้อง ตรง จริง เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด ลดทอนบทบาทและอิทธิพลของข่าวปลอม ข่าวโคมลอย ความวิตกกังวล ของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด

๗. ประชาชน มนุษยชาติ : นี่คือโอกาสที่เราทุกคนจะแสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันในฐานะที่เราทุกคนต่างก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของโลกใบนี้ คำกล่าวที่ว่า “โลกท้ังผองเป็นพี่น้องกัน” จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อเราทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยเมตตาการุณย์ มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ก้าวข้ามความรู้สึกแบ่งแยกทุกชนิดจนมองเห็นคนทั้งโลกเป็นเพื่อนร่วมโลกของตนเหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น ทอดตามองไปทางไหนก็เห็นแต่ญาติวงศ์พงศาของตนที่ควรแก่การเมตตาการุณย์และควรแก่การยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือโดยปราศจากการแบ่งแยก

๘. ผู้นำทางทางจิตวิญญาณ ศาสนิกของทุกศาสนา : นี่คือโอกาสทองของการนำเอาคำสอนของพระบรมศาสดาที่เราทุกคนเคารพนับถือออกมาสู่การปฏิบัติในโลกของความเป็นจริง การมาถึงของไวรัสโควิด 19 คือการท้าทายให้เราทุกคนในฐานะศาสนิกของทุกศาสนาร่วมกันนำเอาด้านที่ดีที่สุด งดงามที่สุด ประเสริฐที่สุดจากทุกศาสนาที่เรานับถือออกมาร่วมกันเยียวยาวิกฤติให้ผ่อนคลาย กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า นี่คือวันเวลาของ Compassion in action อย่างแท้จริง

๙. ปัจเจกบุคคล สถาบันครอบครัว ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แหล่งท่องเที่ยว ระบบอุตสาหกรรมทุกชนิด : นี่คือโอกาสของการฟื้นฟูตัวเองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ของสิ่งแวดล้อม ของผืนดิน ผืนฟ้า ผืนป่า ขุนเขา สายน้ำ อากาศ สถาบันครอบครัว เพราะนับแต่กระบวนการต่าง ๆ ถูกความจำเป็นจากไวรัสบังคับให้ต้องหยุดกิจการโดยอัตโนมัติตามแนวคิด “รวมกันเราตาย แยกย้ายกันเรารอด” ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม แหล่งท่องเที่ยว อากาศ สายน้ำ ก็ได้รับการฟื้นฟูทันที อากาศที่ปักกิ่งดีขึ้นทันตาเห็น แม่น้ำที่เวนิสใสขึ้นทันตา ทะเลที่เมืองไทยใสกระจ่างดังกระจก และลูกชายลูกสาวของพ่อแม่ในชนบททั่วโลกก็ได้ชั่วโมงทองคำกับลูก ๆ คืนมาอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ปัจเจกบุคคลก็ได้หยุดอยู่กับบ้านอย่างเต็มอิ่ม

เมื่อวิกฤตการณ์เกิดขึ้นมา หากเราเอาแต่ยอมจำนน สิ่งที่จะตามมาก็คือความสิ้นหวัง หมดกำลังใจ มองไม่เห็นหนทางที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่หากเราเปลี่ยนท่าทีในการเผชิญกับวิกฤติด้วยมุมมองเชิงสร้างสรรค์ เราจะเห็นโอกาสอยู่เต็มไปหมด ขอให้เราทุกคนมาเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อวิกฤติเสียใหม่ โดยเรียนรู้ที่จะมองเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากวิกฤติให้เป็นโอกาสสำหรับการนำพาตัวเอง องค์กร ประเทศ และมวลมนุษยชาติตลอดถึงโลกของเรา เพื่อก้าวไปสู่สันติภาพและสันติสุขร่วมกัน

เราเปลี่ยนสถานการณ์บางอย่างไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ แต่เราเปลี่ยนมุมมองของเราต่อมันได้ และเปลี่ยนได้ทันที ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ดอกบัวงอกงามขึ้นมาจากตมและน้ำฉันใด มนุษยชาติก็อาจเติบโตและพัฒนาได้จากวิกฤตการณ์ ฉันนั้น

เรื่องและภาพ :  ท่านเจ้าคุณพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี)

SOURCE : www.goodlifeupdate.com