ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์

กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT (Real Estate Investment Trust) หรือจะขอเรียกสั้นๆว่ากองทุน REIT เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์หลักคือการไปลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจจะหมายรวมถึง ศูนย์การค้า โรงแรม คลังสินค้า หรือ อาคารสำนักงาน โดยในบทความนี้ขอครอบคลุมไปถึงกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ไว้ด้วยกันนะครับ

ดังนั้นนักลงทุนที่ถือครองกองทุนREIT ก็จะมีรายได้จากเงินปันผลที่เกิดจากกำไรจากการบริหารโครงการเหล่านี้ ฟังดูแล้วเริ่มน่าสนใจใช่ไหมครับ เราลองมาดูกันว่าทำไมกองทุนREIT ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

1. สามารถร่วมเป็นเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำได้

นักลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในบางสาขาก็มีการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่ห้างเทอมินอล 21 ที่มีจำนวนลูกค้าต่อวันสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ก็มีการขายสิทธิการเช่าเข้ากองทุน REIT เช่นกัน

2. ไม่ต้องเหนื่อยบริหารเอง

ใครเคยมีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า หรือเป็นเจ้าของโครงการเองก็จะทราบดีว่าการบริหารจัดการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไหนจะต้องออกแบบ วางแผนการก่อสร้าง หาผู้รับเหมา ตกแต่งให้พร้อมกับการใช้งาน เมื่อเสร็จแล้วก็ต้องหาคนมาเช่า คอยเก็บค่าเช่า ซ่อมแซมเมื่อเกิดการเสียหายหรือสึกหรอ หลังจากผู้เช่าออกไปก็ต้องทำความสะอาด และเตรียมหาผู้เช่าคนต่อไป ทั้งหมดนี้จะต้องใช้เวลาและความพยายาม (และความรู้ความชำนาญ)มากพอสมควร จะดีกว่าไหมถ้ามีคนมาช่วยบริหารงานแทน

3. ไม่ต้องห่วงเรื่องหาคนมาเช่า

ทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนREIT มักจะเป็นโครงการที่มีผู้เช่าและสร้างรายได้อยู่แล้ว นักลงทุนจึงไม่ต้องเหนื่อยในการหาผู้เช่าเอง และกังวลว่าจะมีผู้เช่าน้อยเกินไปจนไม่คุ้มค่าใช้จ่าย แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนREIT ก็ยังมีความเสี่ยงที่คนเช่าไม่เต็ม หรือคนที่เช่าย้ายออกได้เช่นเดียวกัน

4. รับรายได้สม่ำเสมอ

กองทุนREIT จะมีการจ่ายเงินปันผลจากกำไรจากการดำเนินงานออกมาตามวาระที่ได้แจ้งไว้กับผู้ลงทุน อัตราการจ่ายปันผลมักจะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก (โดยที่มีความเสี่ยงมากกว่า) ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก (และรับความเสี่ยงได้มากกว่า) การลงทุนในกองทุนREIT ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

5. ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่านั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีความแน่นอนของรายได้ในระดับหนึ่ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอสังหาริมทรัพย์โครงการที่ค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว คือมีคนเช่าค่อนข้างเต็มแล้ว) ซึ่งจะทำให้กองทุนREIT ที่ลงทุนในโครงการเหล่านี้มีความเสี่ยงต่ำไปด้วย และความเสี่ยงและความผันผวนน่าจะน้อยกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนในกองทุนREIT จะไม่มีความเสี่ยงเลย โดยความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นรายได้ค่าเช่าไม่เป็นไปตามที่คาดการไว้เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือทรัพย์สินเสียหายจากภัยพิบัติทำให้ไม่สามารถหารายได้ได้เป็นต้น

6. มีสภาพคล่องมากกว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเอง

หน่วยลงทุนในREIT สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการของตลาด ถ้านักลงทุนเปลี่ยนใจหรืออยากนำเงินไปลงทุนที่อื่นก็สามารถสั่งขายได้ ส่วนถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้น การขายมักจะใช้เวลานานและมักจะทำได้ยากกว่าดังนั้นจึงมีสภาพคล่องน้อยกว่านั่นเอง

เมื่อเราทราบข้อดีแล้ว ลองมาดูกันว่านักลงทุนประเภทใดบ้างที่น่าจะเหมาะกับการลงทุนประเภทนี้

1. นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่มีรายได้จากค่าเช่า ซึ่งถ้าทรัพย์อยู่ในทำเลที่ดี และมีคนเช่าอยู่แล้ว ความเสี่ยงก็จะต่ำ

2. ไม่ต้องการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยตนเอง การลงทุนใน REIT มีคนบริหารจัดการให้ ตั้งแต่การซื้อขายสินทรัพย์เข้ากองทุน และการบริหารโครงการเพื่อหารายได้

3. รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เนื่องจากกองทุน REIT จะมีความเสี่ยงมากกว่าตราสารหนี้ แต่น้อยกว่าหุ้นสามัญ

4. ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก

5. ต้องการสภาพคล่องที่ดีพอสมควร และมีความยืดหยุ่นในการลงทุนได้

ถ้าคุณเข้าข่ายตามนี้แล้ว การพิจารณาลงทุนใน REIT ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ

ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA.

บทความโดย เทอร์ร่า บีเคเค ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์, CFA. Email : tanapoom@uchicago.edu