นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯปีนี้น่าจะทรงตัว จากความเชื่อมั่นที่ชะลอตัว กำลังซื้อที่ลดลง และหนี้ครัวเรือน ส่วนกลุ่มลักซ์ชัวรีตลาดยังสามารถเติบโตได้ เพราะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และมีอัตราการขอสินเชื่อต่ำกว่ากลุ่มอื่น  ทั้งนี้คอนโดฯ ในโซนชิดลม ราคายังมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโครงการใหม่ในโซนนี้เปิดตัวเฉลี่ยแตะ 5 แสนบาทต่อตร.ม.

สำหรับโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์  เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีแบบกรรมสิทธิ์ฟรีโฮลด์ บนสุดยอดทำเลชิดลม มีมูลค่าโครงการรวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 90% ราว 70 ยูนิต และมียอดโอนแล้วอยู่ที่ร้อยละ 40 ของยอดขายทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 900 ล้านบาท โดยผู้ซื้อเป็นกลุ่มลูกค้าชาวไทย 70% ที่เน้นอยู่อาศัยจริง และอีก 30% เป็นลูกค้าต่างชาติ อาทิ  ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และยุโรป โดยห้องเพนท์เฮ้าส์ ราคา 190 ล้านบาท สามารถปิดการขายได้เป้นที่เรียบร้อย ซึ่งห้องชุดที่เหลืออยู่มีราคาขายอยู่ที่ 23 – 190 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ยังสามารถเปิดขายในโควต้าต่างชาติได้ และคาดว่าจะปิดการขายทั้งหมดได้ภายในสิ้นปีนี้

สำหรับโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ เป็นการร่วมมือของบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น มีห้องชุดพักอยู่อาศัย จำนวน 80 ห้อง ขนาดตั้งแต่ 1 ถึง 3 ห้องนอน และมีขนาดใช้สอยตั้งแต่ 57 ตร.ม. ถึง 387.5 ตร.ม.

ทุกห้องชุดมีโถงทางเดินหน้าลิฟท์ส่วนตัวและภายในมีวิวเปิดกว้างทั้งสองฝั่ง โครงการมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย ได้แก่ พื้นที่รับรองพร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัว, ห้องประชุมงาน, ห้องจัดเลี้ยงพร้อมอุปกรณ์ชุดครัวติดตั้งครบครัน, สระว่ายน้ำขนาด 25 เมตรและอ่างจากุซซี่, ห้องออกกำลังกาย และห้องสตูดิโอสำหรับโยคะและพิลาทิสแบบส่วนตัว โครงการมีระบบที่จอดรถแบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถรองรับรถได้มากถึง 117 คันและถูกออกแบบมาให้รองรับรถซูเปอร์คาร์และรถตู้แบบครอบครัวได้

นายฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ เป็นผลมาจากความร่วมมือของทั้งสองบริษัท และความแข็งแกร่งของตลาดที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรีในกรุงเทพ ซึ่งลูกค้ามีศักยภาพสูงและมีความต้องการที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอนาคตบริษัทพร้อมเดินหน้าหาที่ดินแปลงใหม่เพื่อพัมนาโครงการต่อไป โดยจะเน้นพัมนาโครงการที่มีคุณภาพมากที่สุด