หากลองนิยามความสำเร็จในชีวิต หลายคนคงมีภาพแห่งความสำเร็จหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน หนึ่งในภาพที่สามารถสะท้อนความสำเร็จในชีวิตของเราได้ ก็คือ “บ้าน” ที่แสดงให้เห็นถึงตัวตน ไลฟ์สไตล์และความสำเร็จของเจ้าของบ้าน

เศรษฐสิริ แบรนด์บ้านเดี่ยวจากแสนสิริ บ้านที่คุณสัมผัสได้ถึงความรู้สึกภาคภูมิกับการออกแบบที่สะท้อนทุกความสำเร็จบนทำเลที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและภาพความสำเร็จในชีวิต

ในปี 2566 นี้โอกาสที่ครบรอบ 20 ปีของแบรนด์ เศรษฐสิริ มาพร้อมการเปิดตัว 4 ดีไซน์ใหม่ บน 10 ทำเลศักยภาพ ระดับราคา 12-30 ล้าน* ที่ตอกย้ำภาพความสำเร็จผ่านการดีไซน์ที่งดงามและโดดเด่น รายละเอียดจะเป็นอย่างไรติดตามได้ในบทความนี้เลยค่ะ 

 

เศรษฐสิริ ทุกความสำเร็จของคุณให้บ้านพูดแทน

เศรษฐสิริ แบรนด์บ้านเดี่ยวที่ยึดถือแนวคิดการเป็นบ้านที่สามารถสะท้อน ‘ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ (Portait of success)’ ของผู้ครอบครอง เหมือนการได้รับรางวัลแห่งชีวิต ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผ่านทางคุณภาพโครงการและการบริการเท่านั้น แต่เศรษฐสิริยังเป็นที่ๆ สะท้อนทุกความสำเร็จของคุณ ด้วยการเป็นบ้านที่มอบรางวัลให้กับผู้อาศัยผ่าน 3 ด้าน ได้แก่

  • Location : รางวัลของชีวิตที่ได้มีเวลามากกว่า โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกับระบบคมนาคมที่รวดเร็ว โอบล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล รวมทั้งยังเป็นทำเลที่มีมูลค่าการเติบโตสูง

  • Design : รางวัลของการได้เป็นตัวเอง ดีไซน์บ้านสะท้อนความเป็นตัวเองของผู้อยู่อาศัย ผ่านหลายสถาปัตยกรรมและดีไซน์ชื่อดังระดับโลก สร้างความภาคภูมิใจต่อผู้ที่ได้ครอบครอง

  • Function : รางวัลที่ได้มีพื้นที่ของตัวเองและครอบครัว ออกแบบจากความเข้าใจให้ทุกฟังก์ชัน สามารถรองรับการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัวได้ครบทุกเจนเนอเรชั่น ให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับตัวเอง เชื่อมโยงกิจกรรมของคนในครอบครัวและเพื่อนพ้องได้อย่างลงตัว

 

เศรษฐสิริบนทำเลศักยภาพ 5 โซน 10 ทำเล

โซนราชพฤกษ์ : ทำเลครบครัน ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

ราชพฤกษ์ เป็นทำเลที่เดินทางเข้าออกเมืองสะดวกมาพร้อมตัวเลือกการเดินทางที่ครบครัน มีถนนเส้นหลักที่สามารถเชื่อมต่อไปยังโซนสำคัญอื่นๆ ของกรุงเทพฯ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ถนนกรุงธนบุรี (เชื่อม CBD สีลม-สาทร), ถนนนครอินทร์ (ศูนย์กลางคมนาคมบางซื่อ-จตุจักร) หรือ ถนนรัตนาธิเบศร์ (เมืองนนทบุรี) เป็นทำเลที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ MRT สายสีม่วง, รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน และ MRT สายสีน้ำเงิน

ทำเลรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โดยเฉพาะแหล่งช้อปปิ้งที่ต้องบอกว่าเยอะมาก กระจายอยู่ทั่วทำเล ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็สามารถเข้าถึงแหล่งไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวก และห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ที่พร้อมเปิดบริการสิ้นปี 2566

ราชพฤกษ์เป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการขยายตัวของที่อยู่อาศัยในอนาคตทั้ง สะพาน ถนนเชื่อมต่อทำเล และรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย (ตลิ่งชัน-ศาลายา)

มูลค่าราคาประเมินที่ดินราชพฤกษ์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงปี 2555-2558 ราคาที่ดินอยู่ที่ 60,000 - 65,000 บาทต่อตร.ว. ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 85,000 บาทต่อตร.ว. ราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ราคาซื้อขายที่ดินจริงในปัจจุบันอยู่ที่ 120,000 - 170,000 บาทต่อตร.ว. สูงกว่าราคาประเมินถึง 43%

ด้วยศักยภาพทำเลของราชพฤกษ์ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย เศรษฐสิริจึงเข้ามาปักหมุดในทำเลถึง 3 โครงการ ได้แก่ 

เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-นครอินทร์ ทำเลใจกลางราชพฤกษ์ ใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์เชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทางทั้งถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนกาญจนาภิเษกและทางด่วน

เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ - สาย 1 ตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนบรมราชชนนี ถนนสาทรใต้ได้ เข้าสู่ย่าน CBD สีลม-สาทร ใช้เวลาประมาณ 25-50 นาที*

เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์-พรานนก เป็นทำเลที่อยู่กึ่งกลางระหว่างถนนราชพฤกษ์และถนนจรัญฯ สามารถเข้าถึงรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีไฟฉาย ได้เพียง 3 กม. จะเดินทางเข้าเมืองด้วยรถยนต์หรือรถไฟฟ้าก็สะดวกมาก

 

โซนดอนเมือง-สายไหม-ปทุมธานี : ศักยภาพด้านการเดินทางที่ครบวงจร

กรุงเทพตอนเหนือ ทำเลศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของประเทศและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็น รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่อยู่ในช่วงทดลองวิ่ง เตรียมเปิดให้บริการต้นปี 2567, รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย (รังสิต-มธ.) อยู่ในช่วงนำเสนอให้ครม. อนุมัติ, รถไฟฟ้าสายเขียวส่วนต่อขยาย (คูคต-ลำลูกกา) ความคืบหน้าล่าสุดอยู่ในช่วงศึกษาโครงการ, สนามบินดอนเมือง เฟส 3 ที่อยู่ในช่วงเร่งออกแบบโครงการและจะเริ่มสร้างในปี 2567 และดอนเมืองโทลล์เวย์ส่วนต่อขยายรังสิต-บางปะอิน อยู่ในช่วงเตรียมนำเสนอให้ครม. อนุมัติ คาดว่าจะเปิดบริการในปี 2571 หากโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จจะช่วยเติมเต็มศักยภาพของทำเลให้กลายเป็นศูนย์รวมการคมนาคมที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น

ด้วยศักยภาพของทำเลที่สามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างสะดวก กรุงเทพตอนเหนือจึงเป็นทำเลที่น่าสนใจเหมาะแก่การอยู่อาศัย ส่งผลให้มูลค่าที่ดินปรับตัวสูงขึ้น ข้อมูลดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนา ไตรมาส 1/2566 จาก REIC ระบุว่า ที่ดินบริเวณรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงบางเขน-ลำลูกกา และสายสีแดงเข้มช่วงบางซื่อ-มธ.รังสิต เป็นทำเลที่มูลค่าราคาที่ดินเติบโตขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 3 อัตราการขยายตัวของราคาอยู่ที่ 7.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

กรุงเทพตอนเหนือเป็นอีกโซนที่เศรษฐสิริเข้ามาเปิดใหม่ถึง 3 โครงการ ได้แก่

เศรษฐสิริ ดอนเมือง ที่เปิด Pre-Sale เป็นที่แรกสำหรับเศรษฐสิริโครงการใหม่ปี 2566 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก จากจุดเด่นของโครงการที่อยู่ใกล้กับถนนใหญ่เส้นหลักอย่างถนนวิภาวดี ตรงข้ามสนามบินดอนเมือง ใกล้โทลล์เวย์ อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเพียง 2 นาที และโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์

เศรษฐสิริ พหลโยธิน - สายไหม ตั้งอยู่บนทำเลที่สามารถตัดเข้าถนนสายสำคัญได้หลากหลายเส้นทางทั้งถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีและถนนรามอินทรา เชื่อมต่อกับทางพิเศษฉลองรัชเข้าสู่พระราม 9 - เอกมัยได้ ใกล้กับสถานนีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (คูคต - ห้าแยกลาดพร้าว) เดินทางไปเซ็นทรัลลาดพร้าวได้อย่างสะดวกสบาย

เศรษฐสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี 2 ภาคต่อความสำเร็จจากโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2563 แล้วได้รับกระแสตอบรับที่ดี โครงการบนอาณาจักรส่วนตัว บ้านวิวสนามกอล์ฟ ได้บรรยากาศพื้นที่สีเขียวและอากาศบริสุทธิ์ บนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่างสะดวกด้วยทางด่วนอุดรรัถยา

 

โซนจตุโชติ-เสรีไทย-รามอินทรา : ทำเลเพียบพร้อม รองรับการอยู่อาศัย

รามอินทรา เป็นทำเลที่รองรับการขยายตัวของเมือง การเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย - มีนบุรี) มีบทบาทสำคัญที่ช่วยยกระดับทำเลให้สามารถเชื่อมต่อเมืองได้ง่ายมากขึ้น การเดินทางในทำเลนี้มีความสะดวกเป็นอย่างมากเพราะถนนรามอินทราเป็นถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักและสายรองเส้นอื่นๆ อยู่ใกล้กับทางด่วนทำให้การเข้าออกเมืองมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทำเลมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายพร้อมรองรับการใช้ชีวิต ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างแฟชั่น ไอซ์แลนด์ หรือ เดอะพรอมานาด และยังมีแหล่งช้อปปิ้งอื่นๆ อีกมากมายรองรับอยู่ทั่วไปในทำเล

การเติบโตของทำเลที่มาพร้อมกับการเข้ามาของรถไฟฟ้า ทำให้ราคาที่ดินเติบโตขึ้นเฉลี่ย 7% ต่อปี จากเดิมที่ราคาประเมินรอบปี 2559 - 2562 จะอยู่ที่ 95,000 - 100,000 บาทต่อตร.ว. แต่ปัจจุบันในรอบปี 2566 - 2569 ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 125,000 บาทต่อตร.ว. ราคาซื้อขายจริงในปัจจุบันประมาณ 150,000 - 230,000 บาทต่อตร.ว.

รามอินทราเป็นย่านที่มีที่อยู่อาศัยแนวราบเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ปัจจุบันมีโครงการให้เลือกหลายระดับราคาตั้งแต่ 5-30 ล้านบาท ราคาตลาดเฉลี่ยประมาณ 16.9 ล้านบาท ซึ่งทางแสนสิริเองก็เคยมาปักหมุดโครงการในทำเลนี้อย่างโครงการเศรษฐสิริ พหล-วัชรพล ที่ปัจจุบันขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว, นาราสิริ พหล-วัชรพล หนึ่งใน Sansiri Luxury Collection ที่เพิ่งมาเปิดตัวในทำเลนี้ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน ล่าสุดแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริจะมีโครงการใหม่บนทำเลนี้ ได้แก่ เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ และ เศรษฐสิริ เสรีไทย ราคาเปิดตัวประมาณ 13-30 ล้านบาท

 

โซนบางนา : ทำเลแห่งการเติบโต เต็มไปด้วย Mega Project

บางนา เป็นทำเลที่เติบโตอย่างโดดเด่นจากการขยายตัวของเมือง มีบทบาทสำคัญกับการเป็นทำเลหน้าด่านที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ EEC สะท้อนได้จากการเติบโตของเมกะโปรเจกต์ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างพื้นฐานอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ และ รถไฟฟ้า LTR บางนา-สุวรรณภูมิ ที่อยู่ในช่วงศึกษาโครงการ, โครงการศูนย์การค้ามิกซ์ยูสอย่าง Bangkok Mall ที่กำลังก่อสร้างอยู่ รวมถึงอาคารสำนักงานอย่าง AIA East Gateway และ WHA Business Complex ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปหมาดๆ ซึ่งเมกะโปรเจกต์เหล่านี้นับเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดการพัฒนาต่างๆ เข้ามาในทำเลมากขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านแหล่งงานและที่อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากการเติบโตทางกายภาพแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนการเติบโตของบางนาได้เป็นอย่างดีคือมูลค่าที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น ที่ดินบริเวณบางนามีราคาประเมินที่ดินเติบโตขึ้น 5-17% ต่อรอบปีการประเมินเลยทีเดียว ส่วนราคาซื้อขายจริงในปัจจุบันสูงกว่าราคาประเมินเกือบเท่าตัว

เศรษฐสิริ บางนา-สุวรรณภูมิ โครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ระดับราคา 12 –30 ล้านบาท จุดเด่นของโครงการคืออยู่ติดถนนกิ่งแก้ว เชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง อีกทั้งยังอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติชั้นนำย่านบางนาและพระราม 9 อีกด้วย

 

เชียงใหม่โซนเหนือ (รวมโชค-สันทราย) : ทำเลเติบโตสูง เชื่อมต่อเมืองเชียงใหม่

จากความสำเร็จของโครงการ เศรษฐสิริ สันทราย ซึ่งแสนสิริได้เข้ามาพัฒนาโครงการเป็นเจ้าแรกๆ ในย่านรวมโชค-สันทราย เพราะมองเห็นการเติบโตในอนาคตของทำเล สู่การเปิดตัวโครงการใหม่ เศรษฐสิริ รวมโชค ที่จะเปิดในทำเลโซนเดียวกัน เชียงใหม่โซนเหนือมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นแหล่งรวมร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง Rimping Supermarket มีการขยายตัวของเมืองสูง มีระบบเส้นทางคมนาคมที่สะดวก ทั้งถนนวงแหวนรอบ 2 และวงแหวนรอบ 3 เพียงครู่เดียวก็เชื่อมถึงถนนซูเปอร์ไฮเวย์ สามารถเชื่อมกับแหล่งงานทั้งในศูนย์ราชการเชียงใหม่ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และยังเข้าสู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ได้สะดวก ราคาเปิดตัว 14-30 ล้าน*

 

เจาะลึก 4 ดีไซน์ใหม่ ที่สะท้อนภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ

เศรษฐสิริ ได้ตีความ ‘ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ (Portrait of success)’ โดยไม่ได้ยึดโยงกับตัวเลขของราคา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดภายนอกเพียงผิวเผินเท่านั้น แต่กลับถ่ายทอดทุกความสำเร็จผ่านความละเมียดละไมในการออกแบบและดีไซน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสนิยม เพื่อให้บ้านคือสิ่งที่สามารถสะท้อนภาพแห่งความสำเร็จของผู้อยู่อาศัยแม้ไม่ได้เอ่ยปากพูดเอง ผ่าน 4 ความงดงามของดีไซน์ต่อไปนี้

 

GEORGIAN โอ่อ่าและสมมาตร ความภาคภูมิในแบบฉบับอังกฤษ

จุดเริ่มต้นของ Georgian Design เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ในช่วงรัชสมัยของ King George I-IV (ค.ศ.1714 - ค.ศ.1830) ยุคสมัยที่สืบทอดรสนิยมศิลปะอันโออ่าหรูหราต่อจากยุคบาโรก (Baroque) และเป็นห้วงเวลาซึ่งศิลปะหลายแขนงรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่ง ชนชั้นสูงต่างนำเอาศิลปะและความวิจิตรงดงามแทรกซึมเข้าไปในวิถีชีวิตทุกด้าน รวมไปถึงพระราชวังและที่อยู่อาศัยของชนชั้นนำและเศรษฐีในยุคนั้น

อัตลักษณ์อันชัดเจนของ Georgian Design คือการสะท้อนความโอ่อ่าของพื้นที่ โดยรูปแบบอาคารจะมีความยิ่งใหญ่และรูปทรงที่สมมาตร (Generous sense of space & Symmetry) โดยที่ยังคงความสมบูรณ์สัดส่วนอาคารและพื้นที่ใช้สอยภายใน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ภายใต้ความคลาสสิคและสมมาตร กลับสามารถนำเสนอชั้นเชิงของรายละเอียดการตกแต่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับตั้งแต่ทางเข้าที่ประดับด้วยเสาแบบซุ้มโค้ง (Arches Window Column) กรอบหน้าต่างที่เรียงอย่างเป็นระเบียบ และหลังคาทรงปั้นหยาอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Georgian Design 

 

ART DECO ความงดงามที่เข้าใจง่าย กลิ่นอายความก้าวหน้าของยุโรป

Art Deco คือศิลปะที่ฉีกขนบแบบเดิมสู่ทศวรรษใหม่ของอารยะศิลปะ หลุดพ้นจากกรอบของความคลาสสิก (Classic) ไปสู่ยุคเริ่มต้นของสมัยใหม่ (Modernism) ที่มักหยิบเอาเส้นสายของรูปทรงเรขาคณิตมาใช้ผสมผสานในการออกแบบทุกแขนง

Art Decoratifs หรือ Art Deco เป็นศิลปะที่มีความเฉพาะตัวโดดเด่น ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและรายละเอียดของ Shape ในรูปแบบเรขาคณิต เส้นสายที่เรียบง่ายโค้งมน และเส้นสายสีทองสลับขาวดำ ผสานกันอย่างลงตัว ในขณะที่พื้นผิวจะใช้ความเรียบง่าย ลักษณะของ Building Form ซ้อนทับเรียงตัวกันในรูปแบบขั้นบันได และสอดแทรกความวิจิตรจากลวดลายศิลปะในการตกแต่งอย่างประณีต เอกลักษณ์อันน่าจดจำของเส้นสายในสไตล์ Art Deco ปรากฎในรูปแบบลายซิกแซก ลายโค้งมน หรือรูปบั้ง ดังที่ถูกนำไปใช้รังสรรค์ในสถาปัตยกรรมระดับโลกอย่าง Empire State (New York) หรือ National Basilica of the Sacred Heart (Brussels)

 

BERLIN ความเรียบง่ายที่ทันสมัย เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมแบบเยอรมัน

สถาปัตยกรรมสไตล์ BERLIN นับเป็นสัญลักษณ์การเฉลิมฉลองเสรีภาพและการปรองดองของเยอรมันภายหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน สไตล์ BERLIN เติบโตเต็มที่นับจากช่วงปี 1990s นับเป็นห้วงเวลาที่สถาปัตยกรรมเบ่งบานและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขนบแบบเก่าและแนวคิดแบบใหม่ถูกนำมาผสมผสานกันอย่างลงตัว จนถูกเรียกว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Neotraditional

จุดเด่นของสไตล์ BERLIN คือการนำเสนอเส้นสายของการออกแบบที่ดูปราดเปรียว ตกแต่งเพียงเล็กน้อยทว่าสามารถเพิ่มความหรูหราได้ชัดแจ้ง รูปทรงของอาคารแบบเหลี่ยมที่ซ้อนทับกันอย่างมีระบบระเบียบ และคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายด้วยการใช้โทนสีแบบ Monochrome ตัวอาคารมีความโดดเด่นด้วยสีขาวที่ถูกตัดด้วยเส้นขอบสีดำ (White House with Black Trim) ทำให้ภาพรวมของอาคารมีความแข็งแกร่งและสง่างาม​ (Strong and Beautiful)

 

MODERN CLASSIC ความสง่างามที่ไม่ถูกลดทอนคุณค่าไปตามกาลเวลา

แม้ความหมายของคำว่า Modern และ Classic จะดูเป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันกลับเป็นการตีความใหม่ที่น่าสนใจ สถาปัตยกรรมแบบ Classic ดั้งเดิมมักเต็มไปด้วยความโอ่อ่าหรูหรา ในขณะเดียวกันสไตล์ Modern คือการลดทอนสิ่งที่ล้นเกินออกไปเหลือไว้แต่ความเรียบง่าย เมื่อมาประกอบเข้าด้วยกัน สไตล์ Modern Classic จึงเป็นความเรียบง่ายร่วมสมัย ที่ยังคงไว้ซึ่งความประณีตและหรูหราเหนือกาลเวลา

สไตล์ Modern Classic มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนอย่างมากในด้านรูปทรงของอาคารที่มักมีเหลี่ยมมุมเรียบง่าย การวางช่องแสง รูปแบบการซ้อนทับของอาคาร ล้วนแล้วแต่มีความเป็นระเบียบเข้าใจง่าย ตัดทอนลวดลายและการตกแต่งอันฟุ้งเฟ้อเกินจำเป็นออกไป และแทนที่ด้วยความประณีตในรายละเอียด ทำให้ยังคงความสง่างามแบบ Timeless Design ไว้ได้อย่างดี 

เศรษฐสิริ โครงการบ้านที่แสนสิริภูมิใจนำเสนอผ่านดีไซน์ใหม่ที่ตีความการออกแบบและพิถีพิถันในรายละเอียดภายใน เพื่อสะท้อน ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ (Portrait of Success) ให้แก่ผู้ครอบครอง ภายใต้แนวคิด ‘ทุกความสำเร็จของคุณให้บ้านพูดแทน’ บน 10 ทำเลศักยภาพ ราคา 12-30 ล้าน* สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ http://siri.ly/0Vy1Ho7