นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ ปี 66 คาดว่าจะมีทิศทางเป็นบวก โดยเฉพาะการกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อกำลังซื้อในประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งภาคอสังหาฯ ก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย  แต่ทั้งนี้ในแง่การทำธุรกิจก็ต้องปรับกลยุทธ์รอบด้านเพราะตลาดอสังหาฯยังมีความท้าทายสูง ขณะที่ยอดปฎิเสธสินเชื่อในปีที่ผ่านมาของบริษัทฯก็ยังอยู่ในระดับ 15-20% ขึ้นอยู่กับเซกเม้นท์ของสินค้า

ซึ่งในปี 65 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัว โครงการใหม่ที่มากถึง 51 โครงการ มูลค่ากว่า 63,600 ล้านบาท ยอดขายสุทธิที่ทำได้เกินจากเป้าที่ตั้งไว้ ที่ 50,415 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 44% ซึ่งผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นนั้น สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง และความพร้อมจากการบริหารองค์กรภายในที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เอพี เปิดยิ่งใหญ่ 58 โครงการใหม่ มูลค่า 7.7 หมื่นล้าน พร้อมเตรียมเปิด 2 ธุรกิจใหม่

สำหรับในปี 66 บริษัทฯ เดินหน้ารุกธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาด จำนวน 58 โครงการ มูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท ทาวน์โฮมจำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท คอนโดฯ  4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม. และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 192 โครงการ มูลค่ากว่า 165,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท

มั่นใจว่าปีนี้จะเปิดได้ตามแผน ที่ 58 โครงการ เพราะได้เตรียมที่ดินไว้รองรับการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดแล้ว ส่วนปีนี้ตั้งงบซื้อที่ดินไว้อีกราว 20,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมหาทำเลศักยภาพในการพัฒนาสินค้า เสริมควมแข็งแกร่งของปี 67 ต่อไป

นอกจากนี้ในปี 66 มีแผนเตรียมเปิดธุรกิจใหม่อีก 2-3 ธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ “HATCH NEW BUSINESS ต่อยอดความชำนาญในธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการค้นหาช่องว่างตลาดใหม่ โดยนำทรัพยากรที่บริษัทฯ มี ไปบ่มฟักนักคิด นักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำกลับมาสนับสนุนธุรกิจในระยะยาวแบบองค์รวม ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการค้นหารูปแบบแรกเริ่ม

หลังจากที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในการเปิดตัว FitFriend เทรนเนอร์เดลิเวอรี่ ตอบโจทย์ เทรนด์ในเรื่องของสุขภาพ ในปีที่ผ่านมา FitFriend มีคนใช้บริการมากกว่า 6,000 คลาส ซึ่งให้บริการแก่บุคคลทั่วไปผ่านระบบ Line Official-FitFriend แล้ว วันนี้ FitFirend ยังสเกลอัพไปเป็นอีกหนึ่งเซอร์วิส ภายใต้การบริหารจัดการของสมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเมนท์ เพื่อให้บริการแก่ลูกบ้านที่สมาร์ทบริหารจัดการกว่า 370 โครงการอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงร่วมขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตไปร่วมกัน ด้วยการสานต่อความตั้งใจที่จะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ ‘คน’ ด้วยการมอบทักษะแห่งอนาคตแก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในเครือ นิสิต นักศึกษา หรือบัณฑิตผู้พิการ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มทาวน์โฮม ส่งบ้านกลางเมือง – แกรนด์พรีโน่ บุกตลาด 27 โครงการ ชูไฮไลท์ “บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน เจาะตลาดลักชัวรี่ ทาวน์โฮม 5-15 ล้าน”

นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าทาวน์โฮม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ในปี 66 กลุ่มธุรกิจทาวน์โฮม เตรียมเปิดตัว 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท ครอบคลุมครบทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ราคา 1.69 - 25 ล้านบาท

โดยเน้นการขยายพอร์ตสินค้าในกลุ่มบ้านแฝดมากยิ่งขึ้น ด้วยแบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION (ดิ อิดิชั่น) เพราะเชื่อมั่นว่าตลาดบ้านแฝดยังสามารถเติบโตได้ดี เพราะผู้เล่นในตลาดน้อย และตลาดไม่โอเวอร์ซัพพลาย ซึ่งบริษัทฯก็มีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดบ้านแฝดและมีการเลือกทำเลก่อนเป็นอย่างดี โดยปีนี้ได้ปรับดีไซน์บ้านใหม่ พร้อมพลิกโฉมพื้นที่ส่วนกลาง คลับเฮ้าส์ให้ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น โดยบ้านแฝด 3 ชั้นหน้ากว้างถึง 12.8  เมตร ส่วน GRANDE PLENO (แกรนด์ พลีโน่) เป็นบ้านแฝด 2 ชั้น หน้ากว้าง 13.5 เมตร และเตรียมเปิดตัว Luxury Townhome โดยปีนี้ปักหมุดทำเลใหม่ที่ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ในราคา 5-15 ล้านบาท

ทั้งนี้ความท้าทายของลูกค้าในกลุ่มทาวน์โฮมยังต้องจับตาเรื่องแนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ ซึ่งต้องมีการวางแผนรับมือย่างใกล้ชิด ส่วนทำเลที่น่าสนใจปีนี้ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในดซนนนทบุรี, รามอินทรา, บางนา, พระราม 9

ขยายพอร์ตบ้านเดี่ยว เจาะตลาดบ้านซูเปอร์ลักชัวรี่

นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ.เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ปีนี้เตรียมเปิดบ้านเดี่ยวใหม่ จำนวน 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท โดยจะรุกตลาดเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดบนใน 2 เซกเมนต์ คือ บ้านเดี่ยวระดับ Luxury ราคา 20 - 50 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ราคา 50 - 100 ล้านบาท รวมถึงการอัพสเกลคฤหาสน์หรู THE PALAZZO (เดอะ พาลาสโซ่) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งอีกด้วย โดยปีนี้กลุ่มบ้านเดี่ยว จะเน้นทำเลในโซนรามอินทรา, บางนา, ราชพฤกษ์, บรมราชชนนี และตะวันออก สำหรับราคาปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามกลไกของตลาด ซึ่งบริษัทฯ ได้พยายามไม่ให้ผลกระทบถึงลูกค้าโดยตรง จากความได้เปรียบของการบริหารจัดการสินค้าล่วงหน้าของบริษัทขนาดใหญ่

“อย่างไรก็ดีทั้งตลาดทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวตามต่างจังหวัด ในแง่ยอดขายก็สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยบ้านเดี่ยวในขอนแก่นก็ได้รับความนิยมสูง สร้างไม่ทันขาย ส่วนทาวน์โฮมในโซนฉะเชิงเทรา อยุธยา ก็ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน”

คอนโดฯ เปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 1.18 หมื่นล้าน สานต่อความร่วมมือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2566 นี้น่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงกับปีก่อนโควิด-19 ซึ่งจากยอดขายคอนโดฯ เครือเอพีในปีที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า หรือคิดเป็น 11,440 ล้านบาท โดยในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดฯ เตรียมเปิดตัวใหม่ 4  โครงการมูลค่า 11,800 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็น โครงการของบริษัท 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ แอสปาย Vibha-Victory และ แอสปาย Kaset-Phahol 49 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส4/66

และโครงการร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท คือ โครงการ Life Phahol Ladprao ราคาเฉลี่ย 150,000 บาทต่อตร.ม. ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 45% เตรียมเปิดตัวในช่วง มิ.ย. 66 พร้อมโอนในช่วงไตรมาส 2/67 และโครงการ Rhythm ทำเลใกล้ไอคอนสยาม เปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/66

โดยปัจจุบันมียอดแบ็คล็อกรวม อยู่ที่ 19,000 ล้านบาท เป็นของบริษัทฯ 2,400 ล้านบาท และของบริษัทร่วมทุน ราว 16,600 ล้านบาท ซึ่งจะสามารทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 – 2568 เป็นต้นไป

สำหรับสถานการณ์ของลูกค้าต่างชาติ บริษัทมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มนี้ราว 19% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวจีนถึง 17% และกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 2% เท่านั้น ซึ่งในปีนี้ก็เริ่มเห็นว่าลูกค้าต่างชาติมีแนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ดีในปีนี้ เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของความร่วมมือระหว่างเอพี ไทยแลนด์กับทางมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมพัฒนาโครงการคอนโดฯ กว่า 21 โครงการ มูลค่าแตะ 1 แสนล้านบาทและยังคงมีแนวคิดร่วมกันที่จะผลักดันการพัฒนาคอนโดมิเนียมไทยให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันของทุกคน (Inclusive Living) มากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น ในปีนี้กลุ่มธุรกิจคอนโดเตรียมส่งมอบ 4 คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ มูลค่ารวมกว่า 16,200 ล้านบาท โดยมีทั้งคอนโดในเซกเมนต์ Prestige Lux อย่าง THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี (ดิ แอดเดรส สยาม-ราชเทวี) คาดว่าจะพร้อมส่งมอบประมาณ ไตรมาส 3, คอนโดในเซกเมนต์ Luxury กับ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน (ริธึ่ม เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน) ที่เปิดตึกพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย และ ASPIRE (แอสปาย) จำนวน 2 โครงการ กับ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ และ ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการ เป็น ASPIRE คอนโด ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จเป็น 2 โครงการแรก