ในช่วงที่วิกฤตโควิด-19 กำลังพ่นพิษใส่ทุกอุตสาหกรรม จนกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ขององค์กรธุรกิจในการพลิกกระบวนท่าเพื่อผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้  

แต่สำหรับค่ายอสังหาเบอร์ใหญ่อย่าง SC บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คงใช้คำว่า ผ่านหรือ รอด เฉยๆ คงน้อยไป เพราะจากการเผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2021 พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า SC ฝ่าวิกฤตมาได้อย่างสวยงาม สามารถไต่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของตลาดบ้านเดี่ยว กวาดส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวสูงสุด (Market Share) 15%  (จากข้อมูลตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพ-ปริมณฑลของ AREA : บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด) 

รวมยอดขายทั้งหมด 5,700 ล้านบาท เติบโต 188% (เทียบตัวเลขรายไตรมาสในช่วงเวลาเดียวกันของแต่คนละปี : YoY) แบ่งเป็นยอดขายแนวราบ 4,606 ล้านบาท โต 123% (YoY) และยอดขายคอนโดฯ 1,094 ล้านบาท เติบโต 1381%  (หรือดูรายงานฉบับเต็มได้ที่ คลิก)

จุดสังเกตจากรายงานชุดนี้ คือ ยอดเหล่านี้เป็นการเติบโตทั้งในเชิง ‘รายได้’ และ ‘กำไรสุทธิ’ ไม่ใช่เป็นการโตเฉพาะรายได้เท่านั้น โดยเป็นรายได้รวมถึง 3,965 ล้านบาท เติบโต 20% (YoY) มาจากรายได้ดำเนินงานแบ่งเป็นรายได้จากการขาย 95%  และรายได้จากการเช่าและบริการ 5 % พร้อมกำไรสุทธิ  417 ล้านบาท เติบโต 39% (YoY)

            การเติบโตเหล่านี้ หากเป็นเวลาปกติที่ไม่ได้เผชิญวิกฤตใดๆ  ก็คงไม่ได้ตื่นเต้นนัก เพราะค่าย SC ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์บ้านคุณภาพ ตีคู่กับแบรนด์คู่แข่งมาโดยตลอด 

แต่อย่าลืมว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาปกติ แค่ประคองตัวให้อยู่ในสเตตัสเดิมก็ยากพออยู่แล้ว แต่ SC กลับโตสวนกระแสในเซกเมนต์บ้านเดี่ยว จนอาจพูดได้ว่าผลลัพธ์ที่ดีเหล่านี้ มาจากการที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นในแบรนด์ สะท้อนให้เห็นความใส่ใจในคุณภาพและกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่ SC พยายามมาโดยตลอด

            ตัวเลขเหล่านี้อาจเป็นเพียงเครื่องสะท้อนเชิงปริมาณ แต่หากมองลึกลงไปในเชิงคุณภาพ แท้จริงแล้วเบื้องหลังความสำเร็จเหล่านี้ SC มีการผสมผสานโซลูชั่น ปรับแนวทางระหว่างทาง เพื่อให้เข้าถึงและครองใจผู้อยู่อาศัย New Normal ยุค 4.0 อยู่เสมอ 

ส่วนจะงัดกลยุทธ์อะไรมาบ้าง ไปดูกัน...

1.การทรานส์ฟอร์มองค์กร SC กับการเป็น Living Solutions Provider ทรงพลังจากภายในส่งต่อถึงภายนอก : หลายปีที่ผ่าน จะสังเกตได้ว่า SC ย้ำตัวตนความเป็น Living Solutions Provider นั่นเพราะเป็นวิสัยทัศน์ที่ SC ใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อพาวัฒนธรรมและหล่อหลอมพนักงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งด้านการทำงาน ความสุข และคุณภาพชีวิตที่ดี  จุดนี้นอกจากเป็นการตอบสนองความต้องการขององค์กรโดยตรงแล้ว ยังส่งสารความเป็น Living Solutions Provider ไปถึงลูกค้าและลูกบ้านทุกคน ผ่านหัวใจสำคัญคือ สร้างทุกเช้าที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน

อย่างที่ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เคยพูดว่า “มุ่งให้พนักงานทุกคนสร้างทุกเช้าที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน ภายใต้วิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อเดินหน้าธุรกิจในยุคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากวิสัยทัศน์นี้จึงถือเป็น แกนหลักในการสร้างสรรค์โซลูชั่นต่างๆ เพื่อมาตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้บริโภค แม้จะเป็นธงที่ตั้งไว้ตั้งแต่ปี 2018 แต่มันยังคงเวิร์คอยู่ ในแบบที่ว่ามาถูกทาง พิสูจน์ได้จากผลลัพธ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

2.ความใส่ใจในสินค้าและบริการ จากการพัฒนาโซลูชั่นต่างๆ ผ่านหลัก Human-Centric (แนวทางที่คำนึงถึงผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลาง) เพื่อให้บ้านของ SC เป็น “Worry-free Home” : SC มีการพัฒนาบ้านให้เข้าถึงวิถีของคนทุกเจน ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปตามยุคของคนทุกกลุ่ม เช่น การออกแบบบ้านคนโสด, บ้านเดียวกัน 

หรือช่วงโควิด-19 ก็มีการทำวิจัยร่วมกับที่ปรึกษาด้านการวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อค้นหาฟังก์ชั่นบ้านที่ใช่ให้มาตอบโจทย์การอยู่อาศัยภายในบ้าน จนออกมาเป็นแนวคิด ‘Home is Everything’ บ้านคือทุกสิ่งทุกอย่างของการใช้ชีวิต เกิดเป็น Conceptual Design ใหม่ ในการออกแบบรูปแบบการอยู่อาศัยแห่งอนาคต โดยต้องคำนึงถึง 3 เรื่องหลัก ดังนี้

•  Proper & Green Space : พื้นที่ความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำงานที่เหมาะสม พื้นที่สีเขียวสำหรับการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ

Energy Saving : ตอบโจทย์การประหยัดพลังงานหรือการจัดระบบถ่ายเทอากาศได้ดี

Easy-Cleaning Material : การเลือกใช้วัสดุที่ทำความสะอาดง่าย

หลักการนี้ SC นำมาต่อยอดในส่วน Product Design และ New Feature Design ให้กับบ้าน อาทิ การปรับโถงทางเดินพื้นที่ชั้น 2 ของบ้าน เป็นฟังก์ชั่น Work from Home มุมที่กั้นเป็นห้องกระจกให้สามารถประชุมงานได้แบบไม่มีเสียงรบกวนจากภายนอก รองรับกิจกรรมใหม่ ๆ เช่น การทำ Podcast หรือ Facebook Live เป็นต้น และ ฟังก์ชั่น Movie Theatre มุมผ่อนคลายที่มีพื้นที่สีเขียว เพิ่มความเพลิดเพลินภายในบ้านเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์

การปรับตัวอย่างรวดเร็วนี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ SC  ที่มีต่อลูกบ้านที่มีความกังวลและมีพฤติกรรมการอยู่อาศัยเปลี่ยนไปตามวิถี New Normal 

3.การดูแลหลังการขายผ่าน RueJai Club ที่คิดมาแล้วถึงบริการที่ลูกบ้านต้องการอย่างแท้จริง : ก่อนหน้านี้บริการที่ได้รับความนิยมและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าบนแพลตฟอร์มนี้ ไม่พ้นเรื่องพื้นฐานอย่าง การบริการน้ำดื่ม บริการช่าง บริการทำสวน ฯลฯ แต่ด้วยสถานการ์ณการแพร่ระบาดของโควิด-19 SC เล็งเห็นถึงการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน

กลยุทธ์ที่ SC ทำไม่ใช่แค่เพิ่มหรือปรับเพียงแค่บริการใดบริการหนึ่ง แต่ทำโซลูชั่น คิดเป็นแพ็กเพจ เพื่อเป็นตัวช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ภายในบ้านให้ง่ายขึ้น ให้การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ได้รับความสะดวกสบาย เป็นบ้านอยู่สบายไร้กังวล ในแบบ ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิตผ่านเทคโนโลยีแอปพลิเคชันครบวงจร  ออกมาเป็น 4 แพ็กพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่ม ได้แก่

  • แพ็ก “Single Lady” : เอาใจสาวโสดที่ไม่โปรดงานช่าง หมดกังวลไม่ต้องหาช่างเองให้ยุ่งยาก อุ่นใจกับงานซ่อมเบ็ดเตล็ด และ Fast Fix ผู้ช่วยเหลือยามฉุกเฉิน บริการแก้ไขกรณีเร่งด่วนหรือยามวิกาล เช่น ท่อประปาแตก ไฟฟ้าดับ ปั๊มน้ำทำงานผิดปกติ โดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมเฉพาะทาง
  • แพ็ก “ทิ้งตัว” : เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องออกไปใช้ชีวิต แต่ไม่อยากกังวลกับภาระการดูแลบ้าน จึงมีบริการจัดการ 3 งานใหญ่ในบ้าน ได้แก่ ล้างแอร์ แม่บ้านทำความสะอาด จัดส่งน้ำดื่ม 
  • แพ็ก “หวังเช่า” : อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการปล่อยเช่า ได้ปรับปรุงซ่อมแซมสภาพคอนโด หรือบ้านของคุณให้กลับมาอยู่ในสภาพดี ตรวจเช็คระบบไฟฟ้า ระบบประปา และผนัง ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ พร้อมทำความสะอาดแบบ Big Cleaning เพื่อพร้อมรับผู้เช่ารายใหม่
  • แพ็ก “Home Maintenance” : ช่วยให้บ้านสวยเหมือนวันแรกที่เข้าอยู่ ดูแลบ้านอย่างคน “รู้ใจ” กับแพ็กเกจดูแลบ้าน HOME MAINTENANCE PACKAGE 8 หมวด 38 รายการ ทุกการบำรุงรักษาแบบครบวงจรด้วยทีมช่างรู้ใจ สามารถจัดการแก้ไขก่อนบานปลาย 

4. RueJai Home OS บนรู้ใจแอป :  อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เป็นคีย์สำคัญซึ่ง ตอบสนองความเป็นอยู่ของลูกบ้านให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ผ่านเทคโนโลยี RueJai App ที่ SC การันตีว่า ‘จัดการง่ายๆ ได้ทุกเรื่อง แอปเดียวเอาอยู่’

ถ้าเข้าไปส่องฟีเจอร์ของแอปนี้ บอกเลยว่ามีบริการครบ ครอบคลุมทุกเรื่องทั้งในและนอกร้ัว หลาย ฟีเจอร์ถือว่าครีเอตมาเพื่อมาแก้ Pain Point ใหญ่ๆ ของคนอยู่บ้านได้อยู่หมัดเลยทีเดียว โซลูชั่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบริการดูแลลูกบ้านที่มาเสริมความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว 

            ยกตัวอย่างฟีเจอร์พื้นฐานเด่นๆ ในแอปฯ เช่น บริการดูแลหลังการขาย Customer Service แบบมืออาชีพ 24 ชั่วโมง, บริการ Home Care แจ้งซ่อมแซมบ้านทั้งที่อยู่ในประกันและนอกประกัน, บริการ Air Quality Index สำหรับให้ข้อมูลคุณภาพอากาศในพื้นที่ที่ลูกบ้าน SC Asset อาศัยอยู่

            แต่อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าจะมัดใจลูกค้าและเตรียมลอนช์เร็ว ๆนี้ คือ  ‘Tele Medicine’  เพื่อความสะดวกในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 หลายคนคงมีความกังวลหากจะต้องมาโรงพยาบาล  แล้วถ้าป่วยขึ้นมาในช่วงนี้จะทำอย่างไร ดังนั้นจึงได้ผนึกกำลังกับ Samitivej และ DR Any Where มอบ Privilege ให้สมาชิก SC Asset ผ่านแอพพลิเคชั่นรู้ใจ

            นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคีย์ซัคเซสที่ส่งให้ SC ขึ้นมาเป็นแชมป์บ้านเดี่ยวได้ เพราะกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ล้วนต้องอาศัยเวลาและอีกหลายปัจจัยราวจิ๊กซอว์ที่มาประกอบร่วมกัน เพื่อคัดสรรและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด มาตอบโจทย์ลูกค้าและลูกบ้านในอนานคต

            สำหรับความคืบหน้าแผนแนวราบของ SC มีจำนวนอีก  8 โครงการ มูลค่าโครงการ  9,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 นี้จะเปิดให้จอง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,145 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางกอก  บูเลอวาร์ด  ซิกเนเจอร์ เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า บ้านหรูบนที่ดินขนาดใหญ่ 100 ตร.ว.ขึ้นไป เริ่ม 20-30 ล้านบาท  ทำเลใกล้เดอะมอลล์บางแค และโครงการเวิร์คเพลส สายไหม-พหลโยธิน พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิศ เริ่ม 7-20 ล้านบาท ทำเลใกล้ทางด่วนจตุโชติ และ ทางด่วนฉลองรัช 

            นอกจากนี้ยังมีแผนเร่งเพิ่มสต็อคบ้านรองรับความต้องการซื้อ อีกจำนวน 57 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 47 โครงการ และคอนโด 10 โครงการ