14 ต.ค.2562 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังกำลังจัดเก็บข้อมูลในช่วงวันหยุดยาวออกพรรษา หลังพบว่านักท่องเที่ยวออกไปใช้จ่ายในโครงการชิมช้อปใช้จำนวนมาก จึงทำให้ร้านอาหารและร้านค้ารายย่อยในต่างจังหวัดมียอดขายกระเตื้องมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ร้านค้ารายย่อยทำยอดขายตั้งแต่ 5 พันบาท ถึงหลักหมื่นบาทต่อวัน อาทิ แหล่งท่องเที่ยวบริเวณอำเภอปากช่อง จังหวัดเพชรบูรณ์ เชียงใหม่ และเชียงราย เพราะมีบรรยากาศเย็นสบาย รายจ่ายเพื่อการท่องเที่ยวจากโครงการชิมช้อปใช้จึงเพิ่มขึ้น ทำให้เงินเริ่มสะพัดออกสู่ต่างจังหวัด   

          “กระทรวงการคลังต้องการประเมินข้อมูลการใช้จ่ายครั้งนี้ เพื่อนำไปดูแลผู้ไม่ได้ใช้สิทธิ์จ่ายเงินกระเป๋า 1 วงเงิน 1,000 บาทในช่วง 14 วันแรก และผู้ไม่สามารถยืนยันตัวตน เพื่อนำมาพิจารณา นำประชาชนกลุ่มนี้ เปิดทางให้ใช้สิทธิ์ในโครงการชิมช้อปใช้ในเฟส 2 อย่างไรบ้าง” นายลวรณ กล่าว

          ทั้งนี้ หลังจากสรุปยอดการใช้จ่าย ณ 11 ต.ค. 2562 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 6,229 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจากกระเป๋า 1 จำนวน 6,163 ล้านบาท ใช้จ่ายจากกระเป๋า 2 จำนวน 65.8 ล้านบาท คาดว่ายอดเงินใช้จ่ายช่วงหยุดยาวจะเพิ่มสูงขึ้นมาก หลังจากนี้เมื่อประชาชนเติมเงินใส่ในกระเป๋า 2 มากขึ้น เงินจะสะพัดออกสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น

          นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า มีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งที่พี่น้องประชาชนตื่นตัวเรื่องการท่องเที่ยวภายในประเทศ อีกทั้งให้การตอบรับโครงการชิมช้อปใช้เป็นอย่างดี สงเกตุจากปริมาณรถยนต์ในกรุงเทพมหานครลดน้อยลงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งได้รับรายงานจากจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองต่างๆ ว่านักท่องเที่ยวต่างตระเวนหาร้านค้าและวิสาหกิจชุมชนที่สมัครเข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ เพื่อใช้เงินผ่านกระเป๋า 1 และกระเป๋า 2 ซึ่งตนมั่นใจว่าเม็ดเงินที่พี่น้องประชาชนร่วมกันใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาวนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศได้เป็นอย่างดี

          โดยหลังจากที่ได้กำชับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ เพื่อขอความร่วมมือยุติการแลกคูปองเพื่อชำระค่าสินค้า หากยังดำเนินการอยู่ กระทรวงการคลังจำเป็นจะต้องยุติการเข้าร่วมโครงการด้วยการตัดสิทธิ์การใช้แอพพลิเคชันถุงเงิน ของภาคเอกชนโดยทันที ล่าสุดห้างเทสโก้ โลตัส ได้ออกข้อความประชาสัมพันธ์ลูกค้าว่า เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐและเพื่อป้องกันความสับสนการจัดระบบการชำระเงิน ห้างเทสโก้ โลตัส จึงของดการออกตั๋วแลกเงิน โดยลูกค้าสามารถใช้สิทธิ์ผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตังตามวัตถุประสงค์ของทางรัฐบาลได้เพียงช่องทางเดียว

          นายภูมิศักดิ์  อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ในการลงทะเบียนใช้สิทธิ์ตามมาตรการชิมช้อปใช้ล่าสุดได้ตรวจสอบและพบว่า (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ต.ค. 62) มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์กระเป๋า G-Wallet 1 (ใช้จ่าย 1,000 บาท) ที่ลงทะเบียนผ่านในวันแรก (23 ก.ย. 62) ซึ่งเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. – 11 ต.ค. 2562 ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ และถูกเรียกสิทธิ์คืน จำนวน 199,660 ราย จึงอยากย้ำให้ผู้มีสิทธิ์ที่เหลือ รีบเปิดใช้สิทธิ์กระเป๋า G-Wallet 1 ภายในวันที่กำหนด เพื่อรักษาสิทธิ์ให้สามารถใช้จ่ายต่อไปได้จนจบมาตรการในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ส่วนกรณีที่ใช้สิทธิ์กระเป๋า G-Wallet 2 ภายใน 14 วัน แต่ไม่ได้ใช้สิทธิ์กระเป๋า G-Wallet 1 ถึงแม้กระเป๋า G-Wallet 1 จะถูกระงับสิทธิ์ แต่สิทธิ์ในกระเป๋า G-Wallet 2 ยังสามารถเติมเงินเพิ่ม และใช้ได้ต่อจนถึง 30 พ.ย. 2562

          สำหรับการโอนเงินค่าสินค้าและบริการให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการชิมช้อปใช้นั้น กรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กับร้านค้าแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 6,229.2 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านค้าที่ได้สิทธิ์จากกระเป๋า G-Wallet 1 (ใช้จ่าย 1,000 บาท ในจังหวัดที่เลือกลงทะเบียน) เป็นเงิน 6,163.4 ล้านบาท และร้านค้าที่ได้สิทธิ์จากกระเป๋า G-Wallet 2 (เติมเงินเพื่อใช้จ่ายในจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน เพื่อรับเงินคืน 15%) เป็นเงิน 65.8 ล้านบาท หากจำแนกเป็นประเภท จะแบ่งเป็นประเภทชิม เป็นเงิน 819.2 ล้านบาท ประเภทช้อป เป็นเงิน 3,576.5 ล้านบาท ประเภทใช้ เป็นเงิน 80.4 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป เป็นเงิน 1,752.9 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ต.ค. 62)

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net