3 เม.ย.2562  นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า “กรมฯ ได้ร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจที่อาจมีความเชื่อมโยงกับชาวต่างชาติในการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) โดยในปี 2562 ได้บูรณาการข้อมูลและกำหนดกลุ่มธุรกิจเป้าหมายเชิงลึกก่อนลงตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดเป้าหมาย ซึ่งได้กำหนดไว้จำนวน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 2.ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ 3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร 4.ธุรกิจขนส่งสินค้า และ 5.ธุรกิจโฆษณา

          ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบตามแผนข้างต้น ได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 ถึงปัจจุบัน ตรวจสอบไปแล้ว 4 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชาวต่างชาตินิยมลงทุนประกอบธุรกิจ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และกระบี่ โดยจังหวัดภูเก็ต ได้ตรวจสอบธุรกิจ จำนวน 69 ราย และออกหนังสือให้จัดส่งเอกสารเกี่ยวกับการลงทุน จำนวน 91 ราย จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจสอบธุรกิจ จำนวน 39 ราย และออกหนังสือให้จัดส่งเอกสารฯ จำนวน 52 ราย จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) ตรวจสอบธุรกิจ จำนวน 44 ราย และออกหนังสือให้จัดส่งเอกสารฯ จำนวน 70 ราย จังหวัดกระบี่ ตรวจสอบธุรกิจ จำนวน 30 ราย และออกหนังสือให้จัดส่งเอกสารฯ จำนวน 36 ราย


          “ผลการตรวจสอบเบื้องต้น ที่จังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่ ยังไม่พบการกระทำผิดที่เข้าข่ายนอมินี แต่มีนิติบุคคลที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกให้จัดส่งเอกสารฯ จำนวน 24 ราย จึงได้ดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนไม่ส่งเอกสารตามที่เรียกตรวจสอบตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และได้ทำการหมายเหตุในหนังสือรับรองว่า “นิติบุคคลนี้ไม่จัดส่งบัญชี และหรือไม่ชี้แจงการจัดทำบัญชีรอบปีบัญชี 2560 โปรดใช้ความระมัดระวังในการทำนิติกรรม” ส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และกระบี่ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตรวจสอบเอกสารเชิงลึกอยู่ และคาดว่าจะได้ผลการตรวจสอบในเร็วๆ นี้”


          นายวุฒิไกร กล่าวว่า ขณะนี้ กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตรกำลังอยู่ในระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีเพื่อตรวจสอบนอมินี และมีแผนที่จะลงตรวจสอบอีก 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด (เกาะช้าง) กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ซึ่งหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะส่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกราย เพื่อปราบปรามไม่ให้มีการใช้ตัวแทนอำพรางและอาจลงพื้นที่เดิมซ้ำหรือพื้นที่อื่นๆ เพิ่มเติม หากพบว่ามีข้อมูลผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นนอมินี


          สำหรับปัญหาเรื่องนอมินี เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้าง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จะทำให้ไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและสูญเสียรายได้เป็นอย่างมาก ดังนั้น กรมฯ จึงขอเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย โดยคนต่างด้าวที่ให้คนไทยถือหุ้นแทน รวมทั้งกรรมการบริษัทก็ต้องรับผิดด้วย ซึ่งจะมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net