8 มี.ค. 2562 นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ให้เป้าดัชนีหุ้นไทยในปี 2562 ไปถึง 2,000 จุด โดยมีปัจจัยเด่นมาจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น คาดว่าหลังมีรัฐบาลใหม่ออกมา จะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลมากขึ้น ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาภายในประเทศ ด้านปัจจัยภายนอกประเทศ ต้องรอติดตามผลการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังคงไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเข้ามาหนุนความมั่นใจของนักลงทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

ด้านนางกชกร นำเกียรติสกุล ตัวแทนในการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 62 ไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 61 มาก โดยมองเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ อยู่ที่ 1,780 จุด อัตราส่วนราคาต่อกำไร 15.7 เท่า ขณะที่นักลงทุนยังกังวลเรื่องข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังยืดเยื้อ  เบรกซิทรอความชัดเจน มีผลที่แน่ชัดในวันที่ 29 มี.ค 62 นี้ ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังคงคาดหวังกับเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้งและนโยบายที่นำมาใช้จะสามารถทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น รวมถึงความต่อเนื่องของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถ้ามีการต่อยอดตัวโครงการดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น

นายพรเทพ ชูพันธุ์  ผู้อำนวยการอาวุโส  ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า มองดัชนีหุ้นไทยทั้งปีอยู่ที่ 1800 จุด โดยนักลงทุนคาดหวังกับรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง  ขณะที่หุ้นที่แนะนำลงทุนในปี 62 ได้แก่ บิกแค็พ เป็นหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ อมตะ คอร์ปอเรชั่น และ สยามโกลบอลเฮ้าส์ซึ่ง ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการลงทุนและบริโภคและได้สร้างความเติบโตให้แก่เศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงกลุ่มโรงพยาบาล กรุงเทพดุสิตเวชการ และ บางกอก เชน ฮอสปิทอล โดยราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวขึ้นเหมือนหุ้นตัวอื่น

ทั้งนี้มองว่าการยุบพรรคไทยรักษาชาติ คาดว่าไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากไม่ใช่การเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป  ส่งผลให้นักลงทุนส่วนมากยังคาดหวังกับเสถียรภาพของนักการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง และนโยบายในการส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างมาก

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net