5 ก.พ. 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยในการเข้าตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าได้สั่งการให้กระทรวงฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับบทบาทการดูแลและช่วยเหลือผู้ประกอบการจากที่บังคับหรือกำกับ เป็นการดูแลและส่งเสริม รวมถึงการแก้กฎหมายและกฎกระทรวง โดยเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการหน้าใหม่(สตาร์ท อัพ)ให้ก้าวทันต่างประเทศ ภายใน 3 เดือนนี้จะต้องเริ่มเห็นแนวทางการดำเนินงาน เพราะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเวียดนามจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและอาจจะก้าวหน้าไปมากกว่าประเทศไทยแล้ว

          “การพัฒนาเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพของไทยสำคัญเป็นอย่างมาก จึงต้องมีการปรับแก้บทบาทของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ไม่อยากให้ใครคิดแบบไดโนเสาร์ เพราะมันก็จะออกลูกเป็นไดโนเสาร์ อยากคิดให้มันก้าวหน้ามากขึ้น” นายสมคิด กล่าว


          นอกจากนี้ได้สั่งการให้เร่งขับเคลื่อนการจัดตั้งบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) โดยจะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ร่วมกับฮ่องกงในวันที่ 28 ก.พ.นี้  ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลาง ช่วยส่งเสริมและพัฒนา สตาร์ทอัพไทยครบวงจร เพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพสู่การเป็นยูนิคอร์น หรือธุรกิจที่เติบโตรวดเร็วมูลค่าสูง และเป็นการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมยั่งยืน ให้ประสานการทำงานร่วมกับภาครัฐ และเอกชน ทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตและเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ต่อไป


          ทั้งนี้การส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพจะทำหลากหลายธุรกิจ ไม่ได้เน้นแบบฮ่องกง แต่พัฒนาให้เกิดความหลายหลาย ทั้งด้านการเกษตร เฮลท์แคร์ และธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อจะทำให้ประเทศไทยลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในอนาคต เนื่องจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ๆ เป็นกลุ่มที่จะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ดี หน้าที่ของภาครัฐคือการนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาพัฒนาเป็นในเชิงพาณิช และสร้างมูลค่าและรายได้ได้


          “ผู้ที่จะเข้ามาบริหารอินโนสเปซ จะต้องเป็นคนที่ทำงานได้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ซึ่งจะต้องไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ เพราะไม่ใช่หน่วยงานวิทยาศาสตร์แต่เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนผู้ประกอบการ และคนที่น่าจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ก็มีหลายคนในประเทศ อาทิ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. หรือ นายวีระพงษ์ มาลัย รองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนานวัตกรรมและผู้ประกอบการสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ”นายสมคิด กล่าว


          นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าบริษัท อินโนสเปซ มีการจดทะเบียนไปในช่วงกลางเดือน ม.ค. แล้ว และมีสตาร์ทอัพ เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 5 รายแล้ว และในระยะแรกที่จะมีการจดทะเบียนร่วมกับฮ่องกงในวันที่ 28 ก.พ. นี้จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 20 รายเข้าร่วม และในปีแรกนี้ที่จะดำเนินงานคาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 40-50 ราย


          “เราจะต้องเข้าไปดูว่าผู้ประกอบการที่เป็นสตาร์ทอัพนั้นต้องการความช่วยเหลือด้านไหน หรือใครมีนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ และเราสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นธุรกิจได้บ้าง ซึ่งเราจะต้องเร่งปฏิกิริยาให้สตาร์ทอัพไทยประสบความสำเร็จ” นายสมคิด กล่าว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net