เมื่อการเดินทางของคนเมืองกรุงไม่ต่างอะไรกับสังเวียนรบ เพราะนอกจากทุกเช้าจะต้องกัดฟันสู้กับความเร่งรีบ ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายชั้นสำหรับการต่อรถ กว่าจะไปถึงจุดหมาย มิวายยังต้องกลับมาพบเจออีกครั้งในตอนเย็น สิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสภาวะการเดินทางแบบนี้ คือการได้อยู่อาศัยในทำเลที่ทำให้เราไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป แล้วทำเลไหนบ้างล่ะที่จะทำให้เราใช้ชีวิตที่เลือกได้?

ดินแดง-ราชปรารภ : เลือกอยู่ให้ถูกที่ ชีวิตดีไปกว่าครึ่ง

            ในสมรภูมิรบ การเลือกยุทธศาสตร์ที่ดีทำให้มีชัยไปกว่าครึ่ง ในการใช้ชีวิต การเลือกอยู่อาศัยให้ถูกที่ก็ทำให้ชีวิตดีเช่นเดียวกัน และเมื่อแกนหลักของชีวิตประจำวันของคนเมืองกรุงนั้นต้องผูกติดกับการเดินทาง ทำเลที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นก็คือ ทำเลที่สามารถเข้าถึง mode การเดินทางได้หลากหลาย ซึ่งสำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ คงจะหนีไม่พ้น รถไฟฟ้าและทางด่วน โดย TerraBKK มองว่าทำเล ดินแดง-ราชปรารภ เป็น ทำเลที่อยู่ตรงกลางระหว่างรถไฟฟ้าและทางด่วนมากกว่า 2 สาย ในรัศมีไม่เกิน 2.5 กม. และเป็นทำเลที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและขนส่งมวลชน ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบชั้นกับกับทำเลเนื้อหอมยอดฮิตของคอนโดมิเนียมอย่าง จตุจักร, ราชเทวี-ปทุมวัน และ สีลม-สาทร เทียบชั้นอย่างไรลองไปดูกัน

ดินแดง-ราชปรารภ การเดินทางเทียบชั้นทำเลที่อยู่อาศัยยอดนิยม

ทำเล ดินแดง-ราชปรารภนภาพจำของหลายคนคือการเป็นทำเลที่มักผ่านทางอยู่เป็นประจำ เนื่องด้วยเป็นทำเลที่เชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักอันสำคัญของกรุงเทพฯหลายเส้น อาทิ ถนนดินแดง, ถนนราชปรารภ, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนจตุรทิศ, ถนนราชวิถี, ถนนอโศก, ถนนเพชรบุรี, ถนนพหลโยธิน, ถนนศรีอยุธยา และถนนพญาไท แต่นอกเหนือไปจากนั้นทำเล ดินแดง-ราชปรารภ ยังเป็นทำเลที่กระจุกแน่นด้วยสถาบันราชการหลายแห่ง ไม่ไกลจากแหล่งออฟฟิศทั้งจากฝั่ง New CBD และฝั่งพญาไท ทำให้ทำเล ดินแดง-ราชปรารภ เป็นย่านที่อยู่อาศัยของพนักงานเงินเดือนและข้าราชการ

            ความได้เปรียบในทำเล ดินแดง-ราชปรารภ ที่หลายคนมองข้ามและอาจจะยังไม่รู้ก็คือ ความรวดเร็วอย่างน่าทึ่งในการเดินทาง ที่สามารถเข้าถึงขนส่งมวลชนและทางด่วนในระยะเวลาเพียงไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น สำหรับการเดินทางด้วยขนส่งมวลชน นอกจากรถเมล์ที่วิ่งขวักไขว่เป็นประจำแล้ว ยังมีรถไฟฟ้า 2 สายขนาบข้าง ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (BTS สายสุขุมวิท), รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) และแอร์พอร์ตลิ้งค์ อีกทั้งยังอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนถึง 3 เส้นทาง ได้แก่ โทลล์เวย์ดอนเมือง, ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ทำให้ทำเลนี้เป็นย่านศักยภาพใจกลางเมือง ที่ใกล้จุดเชื่อมต่อการเดินทางที่ใหญ่ที่สุดในกทม. ก็ว่าได้

จตุจักร : ความสะดวกสบายด้านการเดินทางในทำเลจตุจักร ข้อแรกคือการเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) และรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (BTS สายสุขุมวิท) แถมยังเป็นต้นสถานี ทำให้สามารถจับจองที่นั่งว่างๆบนรถไฟฟ้าได้ก่อนใคร ส่วนทางด่วนก็เข้าถึงได้ทั้งโทลล์เวย์ดอนเมืองและทางพิเศษศรีรัชอีกด้วย

พญาไท-ราชเทวี : ถ้าพูดถึงเรื่องการเดินทาง ทำเลนี้เกาะติดรถไฟฟ้า 2 สายสำคัญอย่าง สายสีเขียวอ่อน (BTS สายสุขุมวิท) และสายสีเขียวเข้ม (BTS สายสีลม) ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองสายนี้จะนำพาเราไปได้เกือบทุกที่ที่สำคัญของกรุงเทพฯ อีกทั้งยังขนาบข้างด้วย 2 ทางด่วน ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานคร อีกด้วย

อโศก-พระราม9 : ทำเลอโศกถือว่าเป็นทำเลที่สามารถไปที่ไหนก็ได้ในกรุงเทพฯ เพราะเป็น Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (BTS สายสุขุมวิท) และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) อีกทั้งยังมีแอร์พอร์ตลิ้งค์ ที่สำคัญสามารถเข้าถึงทางด่วนได้ 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานคร

สีลม-สาทร : สำหรับความสะดวกด้านการเดินทาง คือการเป็น Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (BTS สายสีลม) และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) และเข้าถึงทางด่วนได้ 2 เส้นทาง คือ ทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานคร

เมื่อวันนี้ ดินแดง-ราชปรารภ กำลังจะเปลี่ยนไป

            ในวันนี้ทำเล ดินแดง-ราชปรารภ กำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความเป็นย่านการค้า, แหล่งเศรษฐกิจ และศูนย์กลางด้านการเดินทาง กำลังถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยโครงการที่สำคัญก็คือ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม วงเงินการลงทุนรวมกว่า 85,200 ล้านบาท เป็นรถไฟฟ้าใต้ดินจำนวน 13 สถานี เส้นทางวิ่งผ่านย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ดินแดง-รางน้ำ-ราชปรารภ-ประตูน้ำ-ราชเทวี เชื่อมจุดตัดรถไฟฟ้าสายอื่นถึง 8 สถานี ซึ่งทำให้ทำเล ดินแดง-ราชปรารภ จะกลายเป็นศูนย์รวมการเดินทางของพนักงานที่ทำงานใน พญาไท-ราชปรารภ-ราชเทวี-สยาม-อารีย์

            นอกจากนั้ยังมีโครงการ รื้อถอนแฟลตดินแดงเดิม เพื่อพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยใหม่จำนวน 20,292 หน่วย ทำให้ภาพเดิมของแฟลตดินแดงนั้นถูกสลัดทิ้งไป เพราะอาคารที่ถูกพัฒนาใหม่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย High Rise ที่ทำให้ทัศนียภาพของ ดินแดง-ราชปรารภ กลายเป็นย่านที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบ โดยแบ่งระยะเวลาการก่อสร้างออกเป็น 4 เฟส ระยะเวลา 8 ปี แบ่งออกเป็นแปลง A-B-C-D1-D2-E-F-G สำหรับรองรับทั้งผู้อยู่อาศัยเดิมและผู้อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2561 นี้ จะมีการเปิดใช้อาคารแปลง G โดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นแปลงแรกที่ก่อสร้างเสร็จและเตรียมเข้าอยู่

 

ทำไม ดินแดง-ราชปรารภ ถึงเป็นทำเลที่เหมาะกับกระเป๋าเงิน

            แน่นอนว่าหากต้องการอยู่อาศัยในทำเล Mass transit center ที่การเดินทางไม่ได้เป็นอุปสรรค เข้าถึงแหล่งงานและสิ่งอำนวยความสะดวกในชั่วอึดใจ ย่อมต้องแลกมาด้วยราคาที่อยู่อาศัยที่สูงมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองชั้นในที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นครบครัน ซึ่งหากลองไล่ระดับราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมรายทำเลแล้ว จะเห็นว่าราคาเฉลี่ยมีการไล่ระดับราคาอย่างชัดเจน โดยราคาสูงจะอยู่ในทำเลเมืองชั้นใน และค่อยๆไล่ระดับราคาตามระยะทางจาก CBD ลองมาดูกันว่าแต่ละทำเลต้องมีเงินเดือนเท่าไรถึงจะจ่ายไหว และจะไม่ทำให้กระเป๋าเงินของเราทำงานหนักเกินไป

จตุจักร : ทำเลที่เป็นหัวเมืองของรถไฟฟ้าตอนบนคงจะหนีไม่พ้นจตุจักร โดยมีแหล่งงานใกล้เคียงกว่า 388,000 ตารางเมตร จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งย่านที่อยู่อาศัยของพนักงานออฟฟิศ สำหรับคอนโดมิเนียมในทำเลจตุจักรมีราคาเฉลี่ย 86,600-159,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาขาย 2.59-8.99 ล้านบาท ซึ่งคนที่จะซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลนี้จะมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 37,000-130,000 บาท

พญาไท-ราชเทวี : ราชเทวี-ปทุมวัน เป็นย่านที่ครบครันอย่างที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตแบบ Exclusive อย่างที่รู้กันว่าที่นี่คือ Shopping Destination ระดับ high-end ที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม ราชเทวี-ปทุมวัน ถึงเป็นอีกหนึ่ง Prime area ของกรุงเทพฯ โดยมีราคาเฉลี่ย 133,000-268,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาคอนโดมิเนียมตั้งแต่ 4.5-8.6 ล้านบาท ผู้ที่จะซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ จะต้องมีรายได้ต่อเืดือนประมาณ 65,000-125,000 บาท

อโศก-พระราม9 : ด้วยทำเลที่ไปได้ทุกสารทิศ บวกกับการเป็นแหล่งออฟฟิศอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ก็สูงขึ้นไปตามศักยภาพทำเลด้วย โดยคอนโดมิเนียมที่ยังเปิดขายในทำเลอโศก มีราคาเฉลี่ย 180,000-320,000 บาทต่อตารางเมตร หรือมีราคาขายตั้งแต่ 5.90-27 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่จะซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลอโศกจะมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 100,000-150,000 บาท

สีลม-สาทร : แน่นอนว่าถ้าหากได้อยู่อาศัยในสีลม-สาทร ก็คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วในเรื่องการเดินทาง ในเมื่อที่ทำงานกับบ้านอยู่ที่เดียวกัน เพราะที่นี่คือแหล่งรวมออฟฟิศที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยพื้นที่กว่า 1.55 ล้านตารางเมตร รวมถึงเป็นศูนย์รวมสถาบันทางการเงินไว้มากที่สุด ถ้าหากเป็นคน ก็คงจะมีบุคลิกเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้มั่งคั่งก็คงไม่ผิดนัก โดยราคาคอนโดมิเนียมในทำเลนี้มีราคาเฉลี่ย 120,000-405,000 บาทต่อตารางเมตร หรือมีราคาขายตั้งแต่ 5.19-17 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่จะซื้อคอนโดมิเนียมจะมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 75,000-250,000 บาท

ดินแดง-ราชปรารภ : ถึงแม้จะเป็นทำเลที่สามารถเดินทางสะดวกสบาย แถมยังต่อติดทุก mode การเดินทางในเมือง ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, แอร์พอร์ตลิ้งค์, บีทีเอส, รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือทางด่วนสำคัญ แต่โครงการใหม่ในทำเล ดินแดง-ราชปรารภ นั้นก็ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยนัก โดยโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ในทำเลตอนนี้ก็มีตั้งแต่ราคาเฉลี่ย 130,000-200,000 บาทต่อตารางเมตร หรือราคาขายประมาณ 3.9-18 ล้านบาทไปแล้ว ทำให้คนที่จะมาซื้อคอนโดมิเนียมในย่าน ดินแดง-ราชปรารถ จะมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 50,000-260,000 บาท หรือถ้าจะกู้ร่วมก็จะต้องมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 25,000-130,000 บาทต่อเดือน ถึงจะสามารถผ่อนไหว

            สำหรับคนที่มองหาคอนโดมิเนียมใน ดินแดง-ราชปรารภ แต่รายได้ยังไม่ถึงก็อย่าเพิ่งหมดหวังไป เพราะมีโครงการที่กำลังจะ้เปิดตัวใหม่ นั่นก็คือ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางดินแดง ซึ่งตอบโจทย์ด้านการเดินทางของชีวิตคนเมืองได้อย่างไม่มีข้อกังขา ซึ่ง คาดว่าจะเปิดตัวในราคา 1.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่คนมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 25,000 ก็จับต้องได้ ที่สำคัญคือสามารถผ่อนคนเดียวก็ยังไหว ไม่ต้องกู้ร่วม อีกทั้งยังได้อยู่ในทำเลที่ระดับราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมนั้นไม่ได้น้อยหน้าใคร

The Tree ดินแดง-ราชปรารภ ความวางใจที่ได้ใช้ชีวิตแบบสุขสงบ

         ถึงแม้ตอนนี้โครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก แต่ TerraBKK ทราบข้อมูลมาอย่างคร่าวๆว่า โครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ นั้นมาในแนวคิดโครงการที่จัดเต็มเรื่องพื้นที่สีเขียว รองรับการอยู่อาศัยของคนเมืองอย่างเต็มรูปแบบ ที่สำคัญยังใส่ใจรายละเอียดในเรื่องความปลอดภัยของลูกบ้าน ในระบบ Urban Forestry Living Assistance ที่มีการติดตั้ง Lighting Pole (เสาไฟส่องสว่าง) ตลอดแนวด้านหน้าโครงการ, ติดตั้ง Gate Barrier ที่ทางเข้าและทางออกพร้อมระบบ Bluetooth อีกทั้งยังมี Access Control ที่ชั้น1 และชั้น2 ของโครงการชั้นละ 3 จุด พร้อมด้วย Smart Locker สำหรับลูกบ้าน และ Lift ล็อคชั้น ระบบ Bluetooth scan และสำหรับภายนอกโครงการ ยังมีระบบ Vehicle Counting เพื่อนับจำนวนที่จอดรถ, ระบบ CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เพื่อความมั่นใจของลูกบ้านในการอยู่อาศัยอย่างวางใจ

สำหรับราคาโครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ TerraBKK คาดว่าจะเปิดตัวในราคาประมาณ 1.49 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 90,000 บาทต่อตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าจับจองและสามารถเป็นเจ้าของได้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆของโครงการหากมีการเปิดเผยแล้ว TerraBKK จะติดตามและอัพเดทให้อีกครั้ง

ผู้ที่สนใจโครงการ The Tree ดินแดง-ราชปรารภ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ http://bit.ly/2m10yXI