อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ (IRM) เผยโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงาน 6 เดือนแรกเข้าไปบริหารทรัพย์สินในโครงการต่าง ๆ ทั่วประเทศกว่า 30 โครงการ เพิ่มขึ้น 10% เร่งปรับโมเดลการบริหารชุมชนและอาคารรองรับโครงการงบประมาณจำกัด คาดตลาดภาคอีสานจะเพิ่มขึ้นอีก 20 โครงการภายในสิ้นปีนี้ นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (IRM) และอดีตนายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาว่า ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ให้ความสนใจการบริหารทรัพย์สินในชุมชนและอาคารมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้ตระหนักถึงเรื่องคุณค่าของโครงการ รวมทั้งเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัย คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีฯลฯ จึงทำให้ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 มีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมให้ความไว้วางใจ IRM เข้าไปทำหน้าที่บริหารทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 30 โครงการ แบ่งเป็นทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 20 โครงการ ทำเลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 โครงการ ทำเลเมืองท่องเที่ยวที่ชะอำ 2 โครงการและพัทยา 2 โครงการ ตัวเลขดังกล่าวทำให้ IRM มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในพอร์ทของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่น่าพอใจ “การเพิ่มขึ้นของโครงการจัดสรรและคอนโดฯ ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการให้ความไว้วางใจ IRM รวมทั้งผลงานการเข้าไปทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินให้กับโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการเซ็นทริค ติวานนท์, โครงการฟิวส์ สาทร-ตากสิน,โครงการ H2O เขาใหญ่, โครงการบ้านทะเลสำราญ ชะอำ, โครงการธนาอาร์เคเดีย ปิ่นเกล้าฯลฯ ทั้งนี้ IRM ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดตลาดใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่งมากนัก โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีแนวโน้มการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี มหาสารคาม สกลนครฯลฯ ซึ่งมีผู้ประกอบการจำนวนมากสนใจและต้องการให้บริษัทที่มีประสบการณ์เข้าไปทำหน้าที่บริหารทรัพย์สิน คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดฯ ในภาคอีสานไม่ต่ำกว่า 20 โครงการให้ IRM เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว” นายธนันทร์เอกกล่าว สำหรับการทำการตลาดในภาคอีสานนั้นนายธนันทร์เอกเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เป็นตลาดที่มีความแตกต่างจากภาคกลางอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมจัดสรรงบสำหรับการบริหารทรัพย์สินภายในโครงการไว้ตั้งแต่แรก ในขณะเดียวกันผู้อยู่อาศัยและคณะกรรมการหมู่บ้าน รวมทั้งผู้ประกอบการต้องการรักษามูลค่าทรัพย์สิน และต้องการให้มีนักบริหารทรัพย์สินมืออาชีพเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าว IRM จึงต้องปรับรูปแบบการบริหารทรัพย์สินและการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ทำให้โมเดลการบริหารทรัพย์สินในภาคอีสานนั้นแตกต่างจากกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยใช้กลยุทธ์การทำงานแบบใหม่เพื่อให้สามารถลดต้นทุนเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าดำเนินการต่าง ๆ ให้ลดลง แต่ยังคงให้มีบริการต่าง ๆ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือ ต้องมีบุคลากรทั้งผู้จัดการและธุรการเพื่อทำหน้าที่บริการและแก้ไขปัญหาในชุมชน ทั้งนี้ IRM ได้ปรับเปลี่ยนบทบาทของผู้จัดการ จากเดิมที่ 1 ชุมชนจะต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการ 1 คน แต่โมเดลใหม่สำหรับตลาดภาคอีสานนั้น ผู้จัดการจะต้องรับผิดชอบดูแลอาคารและชุมชนประมาณ 4-5 โครงการ ทั้งนี้ ได้มีการวางแผนการทำงานเพื่อมิให้กระทบต่อการให้บริการ เนื่องจากมีธุรการประจำคอยเพื่อทำหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์และรับแจ้งปัญหาการอยู่อาศัย แล้วจะมีการรายงานต่อผู้จัดการโครงการเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป สาเหตุที่การบริหารทรัพย์สินในภูมิภาคดังกล่าวสามารถปรับโมเดลการทำงานใหม่ได้ เพราะการเดินทางสะดวกกว่ากรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม จากการที่ IRM ได้สำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภาคอีสานเพื่อศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของเจ้าของผู้อยู่อาศัยในโครงการต่าง ๆ พบว่าการอยู่อาศัยในชุมชนและอาคารส่วนใหญ่ไม่ซับซ้อนมากเหมือนกับชุมชนในกรุงเทพฯ จึงสามารถลดและตัดค่าบริหารในบางส่วนได้ ทำให้โครงการที่มีงบประมาณจำกัดมีโอกาสได้รับบริการต่าง ๆ จากการบริหารภายใต้มาตรฐานระดับสากล สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการสอบถามข้อมูลด้านการบริหารทรัพย์สิน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 081-869-6347 ที่มา : RYT9