จากสถานการณ์โรคระบาด ประกอบกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ให้บริการและผู้ดูแลอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (Commercial Real Estate หรือ CRE) เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงงาน สำนักงาน ไม่อาจคำนึงถึงเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกหรือระบบการบริหารอาคารแบบดั้งเดิม แต่ต้องปรับเปลี่ยนอาคารให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนไปและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น Internet of Things (IoT) และระบบความปลอดภัยแบบดิจิทัล

จากการสังเกตและวิเคราะห์ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เมื่อเร็วๆ นี้ HID Global ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันระบุและยืนยันตัวตน จึงได้จัด งานสัมมนาออนไลน์ ‘CRE Vertical and Consultant Webinar for Asia’ เพื่อแนะนำเทรนด์ของ CRE ที่เกิดขึ้นล่าสุด พร้อมแนะแนวทางปฏิบัติในการออกแบบระบบควบคุมการเข้า-ออกอาคารเพื่อความปลอดภัย และสะดวกสบายในการใช้งาน

Troy Johnston ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ CRE ของ HID Global กล่าวในงานสัมมนาว่าปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเมื่อต้องมีการออกแบบระบบเข้า-ออกอาคาร ประกอบด้วย
1. ประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้อาคาร ต้องรู้สึกปลอดภัย และใช้งานสะดวก ราบรื่น ไม่ติดขัด
2. สุขอนามัยที่ดี เช่น ความสะอาดตามจุดสัมผัสต่างๆ ที่ต้องมีการฆ่าเชื้อในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
3. ความยั่งยืน ในอนาคต อาคารใหม่ๆ จะปรับตัวให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจากการใช้พลังงานเป็นศูนย์
4. ประสิทธิภาพของระบบต่างๆ ประหยัดพลังงาน และมีพลังงานเพียงพอสำหรับใช้ในอาคาร
5. ความปลอดภัย
6. Data-Learning ผู้ให้บริการควรมีการเก็บข้อมูลตามกรอบที่กำหนด เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น และพิจารณานำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในอาคาร โดยเฉพาะเทคโนโลยีไร้สัมผัสที่มีความจำเป็นมากขึ้นในช่วงโควิด-19

ในส่วนของพื้นที่สำนักงานที่เปิดให้พนักงานกลับเข้ามาทำงาน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพิ่มเติมจากเดิม 3 ประการคือ
1. ความยืดหยุ่นของพื้นที่ทำงาน แม้จะมีการกลับเข้าทำงานที่สำนักงานเหมือนเดิม แต่มีแนวโน้มว่าองค์กรต่างๆ จะไม่เช่าอาคารสำนักงานในระยะยาวอีกต่อไป แต่จะมองหาความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การเช่าเป็นครั้งคราว (On demand) หรือแบบรายเดือนหรือรายปี (Subscription)
2. ความหนาแน่นของการเข้าใช้อาคารในแต่ละช่วงเวลา
3. การใช้งาน Digital Integrator ที่เชื่อมต่อระบบแต่ละเรื่องเข้าด้วยกันในที่เดียว เช่น ระบบลิฟต์ ระบบการจองห้อง ระบบบริหารผู้มาติดต่อ เพื่อให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้นและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้อาคาร

ในส่วนของเทคโนโลยีนั้น หนึ่งในโซลูชันที่ผู้ให้บริการ CRE ควรให้ความสำคัญคือโซลูชันควบคุมการเข้าออก (Access Control Solution) ที่ใช้ได้กับทั้งพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ใช้งานสำหรับผู้เช่าพื้นที่ โดยเทคโนโลยีที่น่าสนใจตามคำแนะนำของ Eric Gunadi ผู้จัดการฝ่าย Pre-Sales ประจำภูมิภาคอาเซียนของ HID Global มีดังนี้
1. OSDP (Open Supervised Device Protocol) หรือมาตรฐานของเทคโนโลยีที่ใช้สื่อสารเชื่อมต่อระหว่างเครื่องอ่านบัตรและตัวควบคุมอุปกรณ์ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากล หากใช้ OSDP เป็นหลักในการออกแบบอาคาร จะช่วยให้ผู้ให้บริการประหยัดต้นทุนและมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากรองรับการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องอ่านบัตรที่มีโมเดลต่างกันหลายเครื่องได้พร้อมกัน โดยข้อมูลระหว่างเครื่องอ่านบัตรและตัวควบคุมอุปกรณ์ผ่านการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น ซึ่งจะแตกต่างจากการเชื่อมต่อชนิด Wiegand ที่ไม่มีการเข้ารหัส

2. เทคโนโลยีไร้สัมผัสอย่าง Mobile Access ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้ 1 แอปพลิเคชันเพื่อเข้าถึงพื้นที่จุดต่างๆ ในอาคารได้ ทั้งพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนตัวของผู้เช่า โดยที่แต่ละพื้นที่ของอาคารอาจใช้ Digital Key ที่แตกต่างกัน ซึ่งอยู่ในโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวได้ นอกจากนี้ผู้ใช้บริการยังสามารถสร้างและติดตั้งระบบ Mobile Access ลงในแอปพลิเคชันของตัวเองได้อีกด้วย ผ่านทาง API และ SDK (Software Development Kit) อีกสิ่งสำคัญในการใช้งาน Mobile Access นี้เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้โทรศัพท์มือถือของเราสามารถใช้งานในระบบควบคุมการเข้า-ออกได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวแบบเดิม เช่น การตรวจจับใบหน้า หรือทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าข้อมูลความเป็นส่วนตัวของตนเองไม่ได้เสี่ยงต่อการถูกละเมิด

3. เครื่องอ่านบัตรที่ได้รับมาตรฐาน IP65 ที่ใช้งานได้ทั้งพื้นที่ภายในและภายนอกอาคาร ป้องกันฝุ่นและน้ำได้ ทำให้มีความคงทนต่อการใช้งานในทุกสภาวะ และมีระบบตรวจจับพื้นผิวอัตโนมัติ (Automatic Surface Detection) ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีใช้งานเครื่องอ่านบัตรบนพื้นผิวที่เป็นโลหะ เช่น ติดตั้งในลิฟต์หรือใน Turnstile ซึ่งเป็นการใช้งานที่พบได้ในทุกอาคาร

4. เครื่องอ่านบัตรแบบ Multi-Technology ที่อ่านบัตรได้หลายประเภท มีบลูทูธและ NFC (Near-field Communication หรือเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูลแบบไร้สายด้วยคลื่นความถี่ในระยะใกล้) รองรับการอ่านบัตรทั้งความถี่ต่ำและสูง

5. อุปกรณ์ควบคุม (Controller) แบบ Multi-Tenancy ที่เป็น Open API ซึ่งทำงานแบบอิสระไม่ขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์ควบคุมการเข้าออกยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง ผู้ใช้งานสามารถเลือกซอฟต์แวร์ได้ตามความต้องการของตนเอง อีกหนึ่งปัจจัยคือการเลือกตัวควบคุมที่มีหน่วยความจำเพียงพอเพื่อป้องกันปัญหาติดขัดในการเข้าถึงภายในอาคารและลดความกังวลในระยะยาวเมื่อมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มหรือมีผู้ใช้อาคารเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การออกแบบระบบควบคุมการเข้าออกให้ใช้งานได้จริงก็มีความสำคัญเช่นกัน Nasrullah Wani ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจที่ปรึกษา ของ HID Global ได้ระบุไว้ 4 แนวทาง ได้แก่
1. กำหนดขอบเขตการใช้งานของ CRE ให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น และคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่จำเป็นของระบบควบคุมการเข้าออก ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาลักษณะของประตู กลไกการล็อก และระบบความปลอดภัยด้วย HID Global ให้ความสำคัญกับแนวทางดังกล่าว โดยประสานงานการติดตั้งระบบร่วมกับผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์และที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการออกแบบ กำหนดขอบเขตให้ชัดเจนและบันทึกเป็นเอกสาร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน
2. เลือกใช้ฮาร์ดแวร์ควบคุมการเข้าออกแบบ Open Architecture ที่ใช้งานได้อย่างอิสระและยืดหยุ่น ไม่ผูกติดกับบริษัทผู้ผลิตโดยตรง
3. เลือกโซลูชันแบบคลาวด์ที่เชื่อมต่อเข้ากับช่องทางการเชื่อมต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างซอฟต์แวร์ (Application Programming Interface – API) ได้ง่าย และแนะนำให้ใช้โซลูชันที่เป็นแอปพลิเคชันโทรศัพท์ที่ใช้งานร่วมกับชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Kit) ได้ด้วย
4. ใช้ประโยชน์จาก Community Portal โดยผู้ให้บริการสามารถเข้าถึงได้ผ่าน www.hidglobal.com ด้วยการล็อกอินและลงทะเบียนเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เข้าถึงเอกสารเกี่ยวกับระบบควบคุมการเข้าออกจากธุรกิจที่มีประสบการณ์มานานร่วม 25 ปี