7 ส.ค. 2562 นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ว่า ยังคงมีความผันผวนจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงในอาเซียนมากยิ่งขึ้น โดยมีการลงทุน FDI มากที่สุดในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเยีย มาเลเซีย ไทย และ สิงคโปร์ ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการย้ายฐานการผลิตเนื่องจากจีนถูกกีดกันการค้าสหรัฐ ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในจีน รวมถึงผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐต้องย้ายฐานการผลิตไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน

          “เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ ตอนนี้อยู่ที่ระดับ 2-2.25% โดยให้เหตุผลต่อความความกังวลของเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสหรับและส่งสัญญาณว่าจะปรับลดลงไปมากกว่านี้ถ้ามีความจำเป็น ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะช่วยดันเงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% จากเดิมอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.8% ซึ่งคาดว่าในอนาคตอาจจะทำให้เกิดสงครามทางการเงินก็เป็นได้”นางสาวกัณญภัค กล่าว 

          ขณะที่ค่าเงินทั่วโลก สรท.มองว่ายังคงผันผวนตามภาวะของเศรษฐกิจโลกที่เกิดผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น สหรัฐ จีน ที่มีค่าเงินลดลง เป็นต้น ในส่วนของ ไทย มีค่าเงินแข็งค่าขึ้น โดยสถานการณ์ค่าเงินบาทในเดือน ก.ค. มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าและมีการเคลื่อนไหวในระดับที่ผันผวนเกือบทั้งเดือนระหว่าง 30.57-30.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกของไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา สรท.เข้าหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาวิกฤตค่าเงินบาทต่อภาคการส่งออก

          ในส่วนของเรื่องร้องขอซึ่งทาง สรท.ได้เสนอต่อ ธปท. ให้ช่วยแก้ไขปัญหาหรือออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือ ได้แก่ ด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดย 1.ขอให้ดำเนินนโนบายในการป้องการไหลเข้าของเงินทุนที่มาเก็งกำไระยะสั้น 2.ขอให้ ธปท. จัดให้มีการโฆษก และ/หรือข้อมูลผ่านช่องทางออไนลน์เพื่อให้ข้อมูลทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงและเป็นปัจจุบัน ด้าน ต้นทุนการเงิน ประกอบด้วย 1.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและควบคุมส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ 2.สนับสนุนเอสเอ็มอี ในการทำประกันค่าเงิน และ 3.ขอให้เปิดเผยข้อมูลอัตราค่าธรรมเนียมการซื้อขายเงินตราล่วงหน้า 

          สำหรับการส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย.ปี 2562 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 21,409.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 2.15% หรือคิดเป็น 676,838 ล้านบาท หดตัว 2.9% ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 18,197 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 9.4% คิดเป็น 583,094 ล้านบาท หดตัว 10.2% ส่งผลให้การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่า 122,971 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 2.9% คิดเป็น 3,881,308 ล้านบาท หดตัว 2.7% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 119,027 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 2.4% อย่างไรก็ตามในปี 2562 นี้ สรท.คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยจะมีติดลบ 1% 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net