"ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับการโดดลงมาในวงการ Cryptocurrencyของ Facebookนั้นหลายคนอาจกำลังจับตามองโดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพราะ Facebook เคยตกอยู่ในกรณีอื้อฉาวเรื่องการทำข้อมูลรั่วไหลมาแล้ว มีความเป็นไปได้หากจะเกิดขึ้นอีกกับผู้ใช้ Libra อีกครั้ง"

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า มีอีก 5 เรื่อง ที่ Facebook ไม่ได้บอกเกี่ยวกับ Libra

        นายปรมินทร์ อินโสม ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชน และความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูง ระบุว่า เมื่อคนหันมาใช้สกุลเงิน Libra เราอาจจะต้องจับตามอง Data Privacy กันอย่างเข้มข้น เพราะ Facebook เคยตกอยู่ในกรณีอื้อฉาวเรื่องการทำข้อมูลรั่วไหล เมื่อบริษัท Cambridge Analytica ได้ใช้ข้อมูล User จาก Facebook ทำแคมเปญหาเสียงให้ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ซึ่งมีความเป็นไปได้หากจะเกิดขึ้นอีกกับผู้ใช้ Libra อีกครั้ง ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า มีอีก 5 เรื่อง ที่ Facebook ไม่ได้บอกเกี่ยวกับ Libra

 

 

Facebook จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ

        การที่ Calibra จะสามารถให้บริการในประเทศต่าง ๆ ได้ บริษัทฯจะต้องดำเนินนโยบาย AML (Anti-Money Laundering) และ KYC (Know-Your-Customer) ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องให้ ชื่อ ที่อยู่ วันเกิด เลขประจำตัวประชาชน และข้อมูลอื่น ๆ ที่กฎหมายต้องการ แปลว่าผู้ใช้งานกำลังถูกขอให้ส่งชุดข้อมูลสุดท้ายที่ Facebook ขาดไป ถึงแม้ Facebook จะแจ้งว่าข้อมูลของ Calibra และ Facebook จะเชื่อมเข้าหากันก็ต่อเมื่อผู้ใช้อนุญาต แต่ผู้ใช้งานก็จำเป็นจะต้องอนุญาตการเข้าถึงเพื่อที่จะใช้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง Facebook ได้เก็บข้อมูลพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ผ่านสื่อโซเชียลมากว่า 10 และเมื่อนำมารวมกับข้อมูลทางการเงิน ก็จะเป็นจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ Facebook จะเข้าถึงประวัติการชำระเงินของเรารวมไปถึงเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนต่าง ๆ

 

ข้อมูลทางการเงินของคุณจะถูกเชื่อมข้อมูลอื่นๆ

        ข้อมูลที่ Facebook และ Calibra ได้รับอาจจะเป็นข้อมูลเพียงส่วนเดียวที่อาจไม่สามารถบอกอะไรได้ทั้งหมดแต่ถ้ามันถูกรวมเข้ากับข้อมูลพฤติกรรมทั้งหลายที่สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งหลาย ๆ บริษัทเช่น Mastercard Uber และอื่น ๆ จะทำให้การระบุตัวตนผู้ใช้งานนั้นเป็นไปได้ง่ายและชัดเจนมากขึ้นอีก ซึ่งอาจจะมีผู้คนที่คิดในแง่ดีว่า Facebook จะเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน แต่สำหรับบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่าง Facebook แล้วข้อมูลเหล่านี้อาจสร้างรายได้เป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์ ในการระบุได้ว่าผู้บริโภคกลุ่มใดที่ผู้โฆษณาจะสามารถทำกำไรได้ ก็จะทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขามีมูลค่ามากขึ้นแก่ผู้ลงโฆษณา

 

 

การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลจะเพิ่มมากขึ้น

        เหตุการณ์ Cambridge Analytica เป็นเพียงหนึ่งในเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล ที่ทุกวันนี้การโจรกรรมทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องปกติ มหาวิทยาลัย Maryland ค้นพบว่าทุก ๆ 39 วินาทีจะมีการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้น ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่า โดยปกติระบบที่มีตัวกลางตัวเดียวนั้นไม่มีระบบใดที่จะมีความปลอดภัย 100% ซึ่ง Libra เป็น Permissioned Blockchain เก็บข้อมูลไว้ในตัวกลางที่จำกัดเฉพาะหน่วยงานที่เข้าถึง ซึ่งแตกต่างจาก Blockchain เช่น Zcoin ที่เป็นแบบ Decentralized อย่างแท้จริง จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการจารกรรมทางข้อมูลได้มากกว่า ข้อมูลที่ถูกขโมยอาจถูกใช้ทางที่ผิดหรือสร้างความเสียหาย เช่นในปี 2561 มีการรายงานว่าเกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภคที่มูลค่าประมาณ 14.8 พันล้านดอลลาร์ จากเหตุการณ์หลอกลวงและการจารกรรมทางไซเบอร์

 

จะมีภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ

        เมื่อข้อมูลที่ Libra มีนั้นสามารถระบุผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำ นั่นแปลว่ามันกำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เพราะเมื่อข้อมูลนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกันมันอาจจะถูกใช้ แม้ผู้ใช้งานจะไม่ได้ยินยอมก็ตาม รัฐบาลทั่วโลกอาจจะต้องการข้อมูลเหล่านี้ เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้พวกเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง  ซึ่งจะทำให้เขามีอำนาจอย่างที่ไม่เคยมาก่อนในเกมการเมือง

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 นั้น Facebook ได้รับคำร้องกว่า 110,634 คำร้องในการขอเข้าถึงข้อมูลจากรัฐบาล ซึ่งข้อมูลที่ Facebook มีขณะนี้ไม่เพียงพอที่จะสามารถระบุตัวตนผู้ใช้งานได้แต่ข้อมูลส่วนบุคคลจะสมบูรณ์เที่ยงตรงมากขึ้น เมื่อเชื่อมโยงกับ Libra ที่มีผู้ร่วมก่อตั้ง เช่น Paypal หรือ Visa ที่ Facebook จงใจเลือกเข้ามาร่วมในกลุ่ม Libra Association และแน่นอนว่า การมีข้อมูลพฤติกรรมของประชากร facebook กว่า 2 พันล้านผู้ใช้งาน จะทำให้Facebook มีอำนาจทางข้อมูลอย่างไม่เคยมีรัฐบาลที่ไหนในโลกเคยมีมาก่อน Facebook จะสามารถวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และเทรนด์ในการใช้ชีวิต ที่แน่นอนเสี่ยงต่อการชี้นำทางความคิดและนำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อเป้าหมายทางการเมือง

 

ความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจเสรีและประชาธิปไตย

         ปัจจุบัน Facebook ตั้งข้อกำหนดในการโฆษณา ตั้งค่าการเห็นคอนเทนท์บน News Feed  และมีบริษัทจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกบล็อคโฆษณาโดยปราศจากเหตุผล ทำให้องค์กร พรรคการเมือง บุคคลสารธารณะที่ใช้เงินจำนวนมากในการโฆษณาผ่าน Facebook นั้นได้เปรียบกว่าธุรกิจขนาดเล็ก ด้วยข้อมูลจากLibra  จะทำให้แพลตฟอร์มาการโฆษณาของ Facebook นั้นสามารถชี้เป้าที่เจาะจงได้ Libra จะเติมเต็มข้อมูลให้กับ Facebook นำไปสู่อำนาจที่จะชี้นำความเข้าใจของคนทั้งโลกก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อเสรีภาพทางเศรษฐกิจและประชาธิปไตย

 

แล้วเราจะรับมือกับเหตุการณ์นี้อย่างไร?

         ในขณะที่โลกเรามีกระแสต่อต้าน Cryptocurrency เป็นเวลาหลายปีจากผู้ใช้งานที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยี Facebook จะสามารถทำให้ผู้คนทั่วโลกยอมรับ Libra ได้เพียงแม้ว่าผู้ใช้งานยอมให้ข้อมูลส่วนตัว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เชี่ยวชาญและรัฐบาลแต่ละประเทศว่าจะทำให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงในการเปิดเผยตัวตนทางไซเบอร์ และควรจะต้องได้รับการเรียนรู้เกี่ยวกับมาตรฐานในการปกป้องตัวเองในโลกออนไลน์ และถามตัวเองถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจาก Libra เมื่อเทียบกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในการแบ่งปันข้อมูลกับ Facebook