ธุรกิจโฮสเทลนั้นเป็นที่นิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศท่องเที่ยวมาหลายปีแล้ว แต่ในบ้านเราเริ่มมีการเปิดธุรกิจโฮสเทลในช่วงไม่กี่ปีมานี้เอง ซึ่งก็สามารถสร้างกระแสธุรกิจรูปแบบใหม่ได้เป็นอย่างดี และถือเป็นธุรกิจมาแรงอย่างยิ่งในปี 2559 นี้ เพราะด้วยกระแสการเดินทางคนเดียวของนักท่องเที่ยวนั้นมีมากขึ้น ทำให้ความนิยมในการหาที่พักของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป
 นายบุริม โอทกานนท์ รองคณบดีงานสนับสนุนการศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า จากการเติบโตของธุรกิจโฮสเทลในปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักเข้าประเทศ โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 22 ล้านคน โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ถึง 1.8 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่นักท่องเที่ยวคนเดียวไม่ควรพลาดจากการจัดอันดับของเว็บไซต์ www.lifehack.org และปัจจุบันในประเทศไทยมีโฮสเทลมากกว่า 2,000 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของที่พักนักท่องเที่ยวทั้งหมด ถือได้ว่ามีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากในช่วงปีที่ผ่านมา อะไรที่ทำให้ โฮสเทล แตกต่างจากการเข้าพักในสถานบริการรูปแบบอื่น? เนื่องจากกระแสการท่องเที่ยวเริ่มเปลี่ยนไป การจับจ่ายของนักท่องเที่ยวจึงเปลี่ยนตามไปด้วย การท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเริ่มแพร่หลาย มีการเดินทางคนเดียวมากขึ้น ดังนั้นการพักที่ โฮสเทล ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวนั่นเอง โดย TerraBKK Research จะพาไปดูว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ควรรู้ ก่อนที่จะเปิดธุรกิจ โฮสเทล เป็นของตัวเอง 1. ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จากการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากลยุทธ์การทำธุรกิจโฮสเทลให้ประสบความสำเร็จ ของนักศึกษาปริญญาโท วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) พบว่า ปัจจัยหลักในการเลือกพักโฮสเทลของนักท่องเที่ยวจะเลือกโดยเอาทำเลที่ตั้งมาเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเป็นชาวเอเชีย 56% และนักท่องเที่ยวยุโรป 35% ซึ่งทำเลที่ดีคืออยู่ใกล้แหล่งท่องเทียวทั้งกลางวันและกลางคืน อยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชนที่ง่ายต่อการเดินทาง ที่สำคัญคือเป็นทำเลที่มีความปลอดภัย เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เลือกพักโฮสเทลนั้น จะเน้นการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะเป็นหลักนั่นเอง 2. รู้เท่าทันข้อกฎหมาย โฮสเทลที่มีที่พักเกิน 4 ห้องและรองรับผู้เข้าพักเกิน 20 คนนั้น จะถือเป็นธุรกิจประเภทโรงแรม จึงต้องยื่นเรื่องต่อเจ้าหน้านี่ในเขต เพื่อแจ้งประเภทการใช้งานอาคารและขออนุญาตทำธุรกิจโรงแรมตามกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ.2551 (พรบ.โรงแรม 2547, ภาษีโรงแรม, ใบอนุญาต/จดทะเบียนโรงแรม) ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องกฎหมายควบคุมอาคารในด้านระยะถอยร่น รวมไปถึงขนาดของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อีกด้วย 3. วางระบบไฟฟ้าประปาและเครื่องปรับอากาศให้พอเหมาะ สิ่งที่จำเป็นมากที่จะต้องมีในอาคารที่รองรับผู้เข้าพักจำนวนหลายคน คือการเตรียมระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้พอเหมาะ ถึงแม้ผู้เข้าพักในโฮสเทลจะไม่ต้องการความสะดวกสบายที่หรูหราอู้ฟู่ แต่การมีบริการที่ดีก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิดการบอกต่อได้ เริ่มจากห้องน้ำ โดยสามารถคิดได้จากการหาอัตราส่วนจำนวนเตียงต่อจำนวนชุดห้องน้ำ (1 ฝักบัวอาบน้ำ, 1 โถสุขภัณฑ์, 1 อ่างล้างหน้า และโถหัสสาวะชายเป็นส่วนเสริม) โดยอยู่ในอัตราตั้งแต่ 4:1,7:1,9:1 หรือจำนวนเกิน 10:1 ชุดห้องน้ำ เช่น ในหนึ่งชั้นมีจำนวนเตียงทั้งหมด 16 เตียง มีคำนวณด้วยอัตราส่วน 4:1 ก็จะเท่ากับ 16/4=4 ชุดห้องน้ำนั่นเอง โดยอาจจำแบ่งแยกเป็นชุดห้องน้ำชาย 2 ห้อง และชุดห้องน้ำหญิง 2 ห้อง เป็นต้น ส่วนการคิดขนาดของ BTU เครื่องปรับอากาศ จะดูจากขนาดพื้นที่ห้องคูณด้วยตัวเลข 800 เช่น ห้องขนาด 20 ตร.ม. ใช้ขนาดแอร์ 20x800=16,000 BTU เป็นต้น แต่หากเป็นห้องที่โดนความร้อนสูง หรือรองรับคนในปริมาณมาก ควรจะต้องคูณด้วยตัวเลข 1,000 เนื่องจากเครื่องปรับอากาศจะทำงานหนักกว่าปกตินั่นเอง 4. เข้าใจผู้บริโภค ในที่นี้หมายถึง ควรต้องเข้าใจลักษณะของผู้ใช้บริการโฮสเทล ซึ่งจะเป็นผลให้สามารถตอบสนองความต้องการและการบริการได้อย่างตรงจุด อย่างนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่ใช้บริการโฮสเทล จะเน้นความคุ้มค่าและความสะดวกเป็นหลัก โดยมีปัจจัยการตัดสินใจเลือกโฮสเทลจาก ทำเล 56%, ราคา 47%, ความคุ้มค่า 41% และนักท่องเที่ยวชาวยุโรปจะเน้นความคุ้มค่าและความสบายในด้านการพักผ่อน โดยมีปัจจัยการตัดสินใจเลือกโฮสเทลจาก ราคา 62%, บรรยากาศ 49%, ทำเล 35% และราคาที่ยินดีจ่ายของนักท่องเที่ยวชาวเอเชียจะอยู่ที่ 600-1,000 บาท ส่วนนักท่องเที่ยวชาวยุโรปจะอยู่ที่ 300-400 บาท เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวยุโรปส่วนใหญ่ จะวางทริปการเดินทางที่ยาวนานและหลากหลายประเทศ จึงเน้นความประหยัดเป็นปัจจัยสำคัญ 5. มีพื้นที่ส่วนกลางให้บทสนทนาของนักเดินทาง นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการโฮสเทล จะเป็นนักท่องเที่ยวที่รักการเดินทางและผจญภัย การตกแต่งและจัดวางที่พักภายในโฮสเทล จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เดินทางและการแบ่งปันข้อมูลการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ด้วย เชื่อหรือไม่ว่าพื้นที่ส่วนกลางนั้นเป็นปัจจัยหลักในการเข้าพักของนักท่องเที่ยวเลยทีเดียว โดยส่วนกลางควรจะต้องประกอบไปด้วย ห้องครัวสำหรับประกอบอาหาร, ล็อคเกอร์หรือพื้นที่รับฝากเก็บสัมภาระ, พื้นที่กิจกรรมร่วมอย่างเช่น มุมนั่งเล่น มุมหนังสือที่ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยว หรือมุมกิจกรรม, มุมทำงานที่แบ่งแยกออกมาเพื่อความสงบ และต้องมีบริการ wifi และปลั๊กไฟซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการติดต่อสื่อสารในยุคปัจจุบันได้อย่างทั่วถึง ปัจจุบันธุรกิจโฮสเทลเป็นที่นิยมมากตามหัวเมืองและย่านท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งมีโฮสเทลกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 12% ของที่พักนักท่องเที่ยวทั้งหมด เพราะโฮสเทลเป็นธุรกิจที่ไม่ลงทุนสูงเหมือนกับโรงแรม อีกทั้งยังไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัว ผู้ประกอบธุรกิจจะสร้างจุดขายและความแตกต่างจากความเฉพาะตัว ซึ่งการดีไซน์และการวางคอนเซ็ป จึงถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นหัวใจหลักของการเริ่มต้นธุรกิจโฮสเทลเลยทีเดียว -- เทอร์ร่า บีเคเค

 ขอบคุณภาพจาก : BED HOSTEL BANGKOK

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/ และ https://dsignsomething.com

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก