คร๊อกก!…คร๊อกกก!…คร๊อกกก!!

คุณมีปัญหาการนอนกรนไหม?   คุณนอนกรนหรือเปล่า??

รู้ไหมคะว่า การนอนกรน ไม่ใช่เรื่องตลก หรือเรื่องน่าอายใดๆ แต่กลับเป็นเรื่องที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว เพราะการนอนกรน เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น สงสัยกันใช่ไหมคะว่ามันคือโรคอะไร  แล้วการนอนกรนไปเกี่ยวอะไร ถ้าอยากรู้วันนี้ เรามีคำตอบค่ะ

เสียงกรนเกิดจากอะไร?

หลายคนคงสงสัย ว่าทำไมร่างกายของเราจึงเกิดการนอนกรนขึ้นมาได้ ซึ่งการที่เรามีเสียงกรนนั้น เกิดมาจาก กล้ามเนื้อคอคลายตัวขณะหลับ จนทำให้ช่องคอแคบลง เราจึงพยายามหายใจเข้าและออกแรงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านช่องแคบนั้น จนเกิดเป็นเสียงดัง หากมีการอุดตันช่องคอแคบมากขึ้น ก็อาจจะส่งผลถึงกับหยุดหายใจได้เลยทีเดียว

โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น

โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น โรคนี้มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คาดว่าเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่เมื่อถึง วัยหมดประจำเดือน โอกาสการเกิดโรคนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะกลับมามีเท่ากัน

แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคร้ายตามมาเช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคหัวใจวาย โรคเส้นเลือดสมองแตก โรคซึมเศร้า โรคกรดไหลย้อน หรือแม้แต่ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน

ไม่อยากนอนกรนแล้วทำไงดี?

ก่อนอื่น คุณต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิจิฉัยว่า ลักษณะการนอนของคุณนั้นผิดปกติจนต้องเข้ารับการรักษาหรือไม่ ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกการตรวจสุขภาพเช่นนี้ว่า สุขภาพการนอนหลับ

หากผลออกมาว่าคุณต้องได้รับการรักษา ก็มีด้วยกันหลายวิธี เช่น การผ่าตัด การให้ยา แต่ที่ได้ผลดีที่สุด คือ  เครื่องอัดแรงดันบวก ที่ทำงานโดยการเป่าอากาศอย่างต่อเนื่องเข้าไปทางหน้ากากที่ผู้ป่วยสวมขณะหลับเพื่อเป็นการถ่างท่อทางเดินหายใจส่วนบนให้เปิดออก

และตอนนี้ครื่องนี้ก็ได้รับการพัฒนามากขึ้น จนมีขนาดเล็ก และสามารถพกพาได้สะดวก อีกทั้งยังเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก ราคาก็อยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ จนถึงเกือบแสน แล้วแต่ความสามารถที่มากขึ้นของเครื่องอัดแรงดันบวก เพื่อเป็นการรองรับอาการนอนกรนที่รุนแรงของแต่ละคน แต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ 

7 วิธีลดอาการ นอนกรน

สำหรับใครที่เริ่มมี ปัญหาการนอนกรน ก็อย่าเพิ่งตกใจกันไปค่ะ ลองนำ 7 วิธีนี้ไปปรับใช้กันก่อน ถ้าได้ผลดี คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์เลยก็ได้

  • คุมน้ำหนัก

ความอ้วน ถือว่าเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้คุณเกิดอาการนอนกรน เพราะไขมันที่สะสมอยู่บริเวณ ช่องทางเดินหายใจ บริเวณคอ ถูกบีบให้เล็กลง รวมทั้งไขมันที่หน้าอกและท้องก็ยังเป็นภาระที่ทำให้ร่างกายต้องหายใจหนักขึ้น และใช้พลังในการหายใจมากขึ้น

  • ออกกำลังกาย

เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ดึงรั้งช่องทางเดินหายใจมีความแข็งแรงขึ้น ขณะที่นอนหลับเนื้อเยื่อภายในปากจะได้ไม่หย่อนลงมาจนขัดขวางช่องทางเดินหายใจ การออกกำลังกาย จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

  • จัดท่านอน

พยายามจัดท่านอนเพื่อป้องกันการหายใจทางปาก โดยการนอนตะแคง งอข้อศอกเพื่อให้มือข้างหนึ่งยันคางไว้เป็นการปิดปาก หรือจะใช้หมอนหนุนหลังเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พลิกมานอนหงาย อาจจะฝึกด้วยการนอนในที่แคบๆ จนชินก่อนก็ได้นะคะ 

  • ยกศีรษะให้สูง

หากคุณเป็นคนที่นอนตะแคงไม่ได้จริงๆ ให้นอนหงายแล้วใช้หมอนเล็กๆ หนุนบริเวณหลังคอด้านบน ยกศีรษะให้สูงจากเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นหย่อนลงไปในลำคอจนเกิดเสียงกรน

  • รักษาที่นอนให้สะอาด

เพื่อเป็นการกำจัดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการเกิดหอบหืด ภูมิแพ้ ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการกรนยังไงล่ะคะ 

  • พยายามอย่าให้มีขี้มูกก่อนนอน

นั่นก็เพื่อทำให้ช่องจมูกโล่ง ลมเข้าออกได้อย่างสะดวก

  • เพิ่มระดับความชื้นในห้องนอน

เพราะการที่คุณนอนในห้องที่มีความชื้นต่ำอากาศภายในห้องก็จะแห้ง ส่งผลทำให้เยื่อบุต่างๆ ในระบบทางเดินหายใจ พลอยแห้งตามไปด้วย ในบางรายอาจเกิดอาการบวมและทางเดินหายใจตีบแคบลง ส่งผลให้เกิดอาการนอนกรนนี่ล่ะค่ะ 

อย่าคิดว่าการนอนกรนเป็นเรื่องปกตินะคะ อย่างไรก็ตามหากคุณมีอาการกรนมากๆ หรือใช้ 7 วิธีนี้ก็ไม่หายไปสักที ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายๆ กับตัวเอง อีกทั้งควรมี ประกันสุขภาพ ติดตัวไว้ เพราะอย่างน้อยคุณก็จะได้ลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นะคะ 

SOURCE : rabbitfinance.com