สุสานชาวยิว ในอุทยานแห่งชาติ เบต เชอาริม ทางเหนือของประเทศอิสราเอล ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกแล้ว หลังถูกเสนอชื่อตั้งแต่พ.ศ. 2545 (ภาพ: AFP) คณะกรรมการพิจารณามรดกโลกขององค์การยูเนสโก ประกาศผลลงมติรับรองพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ในปี 2558 เมื่อ 6 ก.ค. โดยตุรกี, เดนมาร์ก และอิหร่าน เป็นประเทศที่ยูเนสโกประกาศรับรองสถานะมรดกโลกถึง 2 แห่ง ทั้งนี้ มรดกโลกในตุรกี ได้แก่ เมืองดียาบาร์กี ที่ตั้งป้อมปราการเก่าแก่สมัยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกรีส และเมืองเก่า เอฟีซุส ซึ่งเป็นอดีตอาณาจักรในยุคโรมัน
ทางส่งน้ำของเตมเบลเก ในเมือง เตเปยาวัลโก รัฐฮีดัลโก ประเทศเม็กซิโก สร้างขึ้นระหว่างค.ศ. 1541-1557 อีกหนึ่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกเมื่อ 6 ก.ค. (ภาพ: AFP)

ขณะที่มรดกโลกในเดนมาร์ก ได้แก่ พลับพลาไม้แกะสลักใกล้กรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเหล่ากษัตริย์เดนมาร์กในศตวรรษที่ 18 ขณะทรงล่าสัตว์ ตามด้วยชุมชนชาวคริสต์นิกายลูเธอรันในเมืองจูทแลนด์ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ส่วนมรดกโลกในอิหร่าน ได้แก่ พระราชวังอาร์เดเชียร์และเนินหินเก่าตลอดแนวแม่น้ำชาวูร์ รวมถึงหุบเขาเมย์มานด์ ตอนกลางของอิหร่าน ซึ่งเป็นที่พำนักของกลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายมาตั้งแต่อดีตกาล

เหมืองถ่านหินบนเกาะ ฮาชิมะ หรือมีฉายาว่า เกาะเรือรบ ของจังหวัดนางาซากิ โดยเกาะแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกด้วย (ภาพ: AFP)

นอกจากนี้ สวนพฤกษศาสตร์ในสิงคโปร์ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2402 และสถาปัตยกรรมทำจากเหล็กซึ่งสร้างขึ้นในหลายเมืองของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 19 เช่น เมืองยาฮาตะและนางาซากิ ถูกรับรองสถานะมรดกโลกด้วยเช่นกัน ส่วนประเทศอื่นๆที่มีพื้นที่ได้รับการรับรองสถานะมรดกโลกปีนี้ ได้แก่ ฝรั่งเศส, เกาหลีใต้, มองโกเลีย, เกาะซิซิลีของอิตาลี, จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย, นอร์เวย์, อิสราเอล, สกอตแลนด์, เม็กซิโก, อุรุกวัย, สหรัฐฯ และจาเมกา.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์