หนึ่งอัตราส่วนทางการเงินที่เป็นที่รู้จักกันดี สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่าง P/E Ratio นั้น บางคนตัดสินใจเลือกลงทุนและเชื่อมั่นหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำ ขณะที่บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญกับค่า P/E มากนัก เพราะมองเห็นข้อบ่กพร่องบางอย่างที่ซ่อนอยู่ เพื่อทำความเข้าใจ ให้ง่ายขึ้น TerraBKK จะกล่าวถึงรายละเอียด P/E Ratio ดังนี้

อัตราส่วนราคาต่อกําไรต่อหุ้น (Price-Earning Ratio: P/E) เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เปรียบเทียบ "ราคาต่อหุ้น" ว่าเป็นกี่เท่าของ "กำไรต่อหุ้น ( Earnings per share : EPS )" ตามสูตรคำนวนเบื้องต้น ดังนี้ สำหรับการประยุกต์ใช้งาน TerraBKK อธิบายว่า P/E Ratio จะสะท้อน ได้ 2 กรณี ดังนี้

1. ราคานี้ ถือว่าถูกหรือแพง ?

ค่า P/E ยิ่งต่ำ แปลว่า ราคายิ่งถูกและน่าสนใจ สะท้อนว่า ราคายังคงต่ำอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้นตัวนั้นๆ สามารถเปรียบเทียบค่า P/E นี้ ได้ทั้งกับ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และค่าเฉลี่ยรายตัว เช่น หุ้น A และหุ้น B อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยค่า P/E เฉลี่ยอุตสาหกรรม = 5 เท่า หุ้น A : มีราคาหุ้นละ 20 บาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 5 บาท = P/E = 20/5 = 4 เท่า หุ้น B : มีราคาหุ้นละ 30 บาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 10 บาท = P/E = 30/10 = 3 เท่า จะเห็นได้ว่า หุ้น A และ หุ้น B ล้วนมีค่า P/E ต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม หากวิเคราะห์ราคา พบว่า หุ้น B (30 บาทต่อหุ้น) ที่มีราคาแพงกว่า หุ้น A (20บาทต่อหุ้น) แต่เมื่อวิเคราะห์ค่า P/E โดยนำราคาหุ้นมาเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นนั้นๆแล้ว พบว่า ค่า P/E หุ้น B ( 3เท่า ) ต่ำกว่า ค่าP/E หุ้น A ( 4เท่า ) สรุปได้ว่า หุ้น B น่าสนใจมากกว่า หุ้น A

2. ราคานี้ ต้องใช้เวลาคืนทุนเท่าไหร่ ?

ค่า P/E ยิ่งต่ำ แปลว่ายิ่งคืนทุนเร็ว สะท้อนว่า หากลงทุนในกิจการนี้ โดยไม่คำนึงถึงอัตราการเติบโตของกิจการ ราคาต่อหุ้นที่ได้ลงทุนในวันนี้ จะใช้เวลานานเท่าไหร่ กว่าจะได้รับกำไรสุทธิต่อหุ้นนั้น คืนทุนกลับมา เช่น หุ้น ก : ปัจจุบันมีราคาหุ้นละ 40 บาท ปีนี้มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 10 บาท = P/E = 40/10 = 4 เท่า หุ้น ข : ปัจจุบันมีราคาหุ้นละ 25 บาท ปีนี้มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 5 บาท = P/E = 25/5 = 5 เท่า จะเห็นได้ว่า หุ้น ก มีราคาหุ้นละ 40 บาท จะสามารถคืนทุนได้ 4 ปี ณ อัตรากำไรสุทธิ 10 บาทต่อหุ้น ซึ่งใช้เวลาคืนทุนเร็วกว่า หุ้น ข ที่แม้ว่าจะมีราคาหุ้นละ 25 บาท แต่ต้องใช้เวลาคืนทุน 5ปี ณ อัตรากำไรสุทธิ 5 บาทต่อหุ้น สรุปได้ว่า หุ้น ก. มีโอกาสคืนทุนได้เร็วกว่า หุ้น ข. แต่ทั้งนี้ การเลือกลงทุนในหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำ ไม่ได้เป็นการลงทุนที่เหมาะสมเสมอไป หุ้นบางตัวที่มี ค่าP/Eสูง ก็ยังสูงขึ้นไปได้อีก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เล็งเห็นถึงศักยภาพหุ้นตัวนั้น ขณะเดียวกัน หุ้นบางตัวที่มี ค่า P/E ต่ำแล้ว กลับต่ำลงไปกว่านั้นได้อีก จากหลากหลายสาเหตุ เช่น เป็นหุ้นที่ไม่เติบโตแล้ว , เป็นหุ้นวัฏจักรที่คาดการณ์กำไรได้ยาก เป็นต้น นั้นแสดงว่า หากหุ้นตัวนั้นมีศักยภาพที่ดีจริง ย่อมมีผู้เชี่ยวชาญหรือนักลงทุน เล็งเห็นและเลือกลงทุน ท้ายที่สุดแล้ว ราคาหุ้นจะสูงขึ้นไป และทำให้ค่า P/E สูงขึ้น ดังนั้น หุ้นที่เหมาะแก่การลงทุน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอัตราส่วนทางการเงินตัวอื่นมาวิเคราะห์ประกอบให้ครบทุกด้าน อย่ายึดหรืออิงเพียงค่า P/E ต่ำอย่างเดียวเสมอไป TerraBKK ขอยกตัวอย่าง P/E Ratio 2 กิจการ ในกลุ่ม Property Development ( ค่าP/E อุตสาหกรรม ณ 8 เม.ย 58 = 17.34 เท่า ) ดังนี้ >> SENA : บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่มี P/E Ratio เฉลี่ย 4 ปี = 6.025 เท่า

>> NOBLE : บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มี P/E Ratio เฉลี่ย 4 ปี = 12.45 เท่า

ท้ายนี้ จากข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558 TerraBKK ได้รวบรวมหุ้นที่มี P/E Ratio สูงที่สุด ในช่วงตลาดร้อนแรงที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแต่เป็นหุ้นที่วิ่งเกินกว่าพื้นฐานแทบทั้งสิ้นบางกิจการกำไรต่อหุ้นลดลงแต่ราคากลับสูงขึ้นซึ่งจะผลักดันให้ P/E Ratio สูงขึ้นไปอีก หุ้นเหล่านั้นอะไรบ้าง มีดังต่อไปนี้ --เทอร์ร่า บีเคเค

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก