รองผู้อำนวยการ กทท.ระบุเตรียมเปิดบริการเส้นทางเดินเรือประจำระหว่าง ทรน.กับท่าเรือย่างกุ้ง สำหรับการเชื่อมโยงธุรกิจการค้า การลงทุน ท่าเรือ พร้อมให้ บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกผ่าน ทรน. เพื่อขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเรือ เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กำหนดจัดพิธีลงนามข้อตกลงกับบริษัท เอ็น ซี แอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 8 มีนาคม 2558 ณ ท่าเรือระนอง (ทรน.) จังหวัดระนอง เพื่อให้มีการเปิดบริการเส้นทางเดินเรือประจำระหว่าง ทรน.กับท่าเรือย่างกุ้ง สำหรับการเชื่อมโยงธุรกิจการค้า การลงทุน ระหว่างกันในการใช้ท่าเรือ บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกผ่าน ทรน. เพื่อขนส่งตู้สินค้าไปยังท่าเรือ AIPT 1 (Ahlone International Port Terminal 1) ประเทศเมียนมาร์ และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี
ระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าทางฝั่งทะเลอันดามันอีกด้วย สำหรับการเปิดให้บริการเส้นทางการขนส่งทางน้ำนั้น บริษัท เอ็น ซี แอลฯ จะนำเรือตู้สินค้าชื่อ Munich Trader ซึ่งเป็นเรือที่เช่ามาจากประเทศสิงคโปร์ มีขีดความสามารถในการบรรทุกตู้สินค้าได้ไม่เกิน 12,000 DWT. มีความยาว 147 เมตร กินน้ำลึก 7.5 เมตร เข้าเทียบท่าที่ ทรน. โดย กทท.ได้ให้สิทธิในการนำเรือตู้สินค้าเข้าเทียบท่าในลักษณะ Priority Berth ประมาณ 4 เที่ยวต่อเดือน และคาดว่าจะมีปริมาณตู้สินค้าผ่าน ทรน.ไม่น้อยกว่า 6000 ทีอียู.ต่อปี ซึ่งประเภทของสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นวัสดุก่อสร้าง ใช้เวลาในการเดินทางจาก ICD ลาดกระบังมา ทรน. และจาก ท่าเรือระนองไปยังท่าเรือ AIPT เพียง 3 วันเท่านั้น ในการนี้ ทรน.ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการ ได้แก่ ปั้นจั่นหน้าท่าล้อยางขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Mobile Harbor Crane) 1 คัน รถหัวลากพ่วงตู้สินค้า 6 คัน รถยกตู้สินค้าหนัก 2 คัน รถยกตู้เปล่า 1 คัน และรถยกขนาดต่าง ๆ และลานวางตู้สินค้า 11,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการขนส่งระบบตู้สินค้าอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และในอนาคตหากมีปริมาณตู้สินค้าเพิ่มขึ้น ทรน. ก็จะเพิ่มศักยภาพในการขนส่ง ขนถ่ายตู้สินค้า โดยการจัดหาปั้นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่า รถหัวลากมาให้บริการเพิ่ม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าต่อไป “การบริการในเส้นทางดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ใช้บริการเกิดความเชื่อมั่นและเพิ่มการค้า การลงทุนมากขึ้น เนื่องจากสามารถให้บริการแบบ Regular Service เป็นครั้งแรก คือมีกำหนดการเดินเรือประจำ สัปดาห์ละ 1 เที่ยว มีคุณภาพบริการระดับ Premium ช่วยลดเวลาในการขนส่ง (Transit Time) และต้นทุนในการขนส่งโดยรวม” รองผู้อำนวยการ กทท. กล่าว.

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด Photo credit by : manager.co.th

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย