“สวอน เอสเตท” เปิดตัว “ชญาดา บิซ เพลส” ศรีนครินทร์-อ่อนนุช ทาวน์โฮมสไตล์ออฟฟิศ ดีไซน์ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างธุรกิจบนแนวคิดทำให้ลูกค้าพึงพอใจในยามซื้อ มีความสุขในยามอยู่อาศัย และมีความสบายใจในยามที่ต้องขาย ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหาการลงทุนที่อยู่อาศัยที่คุ้มค่าระยะยาว เพื่อเป็นรางวัลความสำเร็จในชีวิต เปิดตัวเริ่มต้น 14 ล้านบาท

นายเทธดา อุชุปาละนันท์ กรรมการผู้บริหาร บริษัท สวอน เอสเตท จำกัด กล่าวว่า เทรนด์การซื้อบ้านในปัจจุบันและอนาคต ลูกค้ามองหาทั้งที่อยู่อาศัย ทำธุรกิจ รวมถึงการออมเงินและการลงทุน ดังนั้นการพัฒนาจึงต้องตอบโจทย์ความสมดุลของชีวิตทำงานและพักผ่อนได้ดี

โดยโครงการ ‘ชญาดา บิซ เพลส’ เป็นทาวน์โฮมสไตล์ออฟฟิศโครงการที่ 2 ของบริษัท ที่เน้นการดีไซน์ให้รับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ อายุ 35-53 ปี ที่มีความฝันเป็นเจ้านายตัวเอง ผ่านที่อยู่อาศัยที่มีรูปแบบและทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งทำเลศรีนครินทร์-อ่อนนุช ก็เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่น่าจับตามอง ตัวโครงการติดกับถนนใหญ่ ปากซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 67 ใกล้กับเส้นทางคมนาคมและสถานที่สำคัญหลายเส้นทาง อาทิ ถนนบางนา-ตราด, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา, เมกะบางนา, อิเกีย บางนา, รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์, รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์, สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเชื่อมต่อกรุงเทพฯกับ พื้นที่สมุทรปราการ ทำให้มีราคาที่ตอบโจทย์ต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย และยังรองรับต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจได้แบบครอบคลุม

สำหรับ ชญาดา บิซ เพลส (Chayada Biz Place) เป็นทาวน์โฮม 3.5 ชั้น สไตล์โฮมออฟฟิศ เน้นรูปแบบความหรูหราสามารถปรับใช้งานได้หลากหลาย มีทั้งหมด 44 ยูนิต แบบ 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ พื้นที่ใช้สอย 248 ตร.ม. บนเนื้อที่เริ่มต้น 24.8 ตร.ว.

ภายในตัวบ้านและผังโครงการถูกออกแบบเป็น Private Luxury โดยวางตัวอาคารล้อมวงหันหน้าเข้าหากัน พร้อมบรรยากาศที่ร่มรื่นน่าอยู่ มีพื้นที่ Clubhouse สไตล์โมเดิร์น รองรับการผ่อนคลายจากช่วงเวลาการทำงาน ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การทำธุรกิจที่ช่วยสร้างภาพจำดี พร้อมที่จอดรถ มี Convenient Parking Lot ที่จอดรถรวมกว่า 200 คัน เป็นที่จอดในแต่ละยูนิตรวม 88 คัน และที่จอดนอกยูนิตอีกกว่าร้อยคัน รวมไปถึงที่จอดนอกโครงการ

โดยจะมี อาคารพิเศษ 14 ยูนิตที่สามารถเปิดเข้า-ออกได้ 2 ทาง เพราะมีด้านหลังติดถนนนอกโครงการ เหมาะกับการปรับใช้ประโยชน์เปิดร้านทำธุรกิจ

ตัวโครงการผสมผสานระหว่าง ทาวน์โฮมกับโฮมออฟฟิศ ทำให้ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารในเงื่อนไขเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า กู้ได้มากกว่าและนานกว่าการกู้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น

สำหรับตัวบ้านวัสดุใช้อิฐมวลเบา 2 ชั้น วัสดุเกรด A ตั้งแต่พื้น ประตูหน้าต่าง สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ตกแต่งหรูหราเหมือนกับบ้านเดี่ยว พร้อมออกแบบให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย จากรูปแบบ 3.5 ชั้น ที่นำครึ่งชั้นนี้ไปมอบให้กับห้องมาสเตอร์ แบบ Double Volume จนกลายเป็นห้องที่โอ่โถงและกว้างขวางสมเป็นห้องของเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง รวมถึงมีฟังก์ชันเพื่อความปลอดภัยแบบ 2 ชั้น Smart Security หรือ Double-gated Security ที่คอยปกป้องดูแลและสอดส่องเฝ้าระวังอันตรายตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านการลงทุนต่อยอดการสร้าง Passive Income โดยคาดว่าโครงการจะสร้าง Yield 5% และ Capital Gain 6% ได้อย่างแน่นอน จากศักยภาพระดับสูงทั้ง 4 ด้าน คือ HIGH POTENTIAL การก่อสร้างคุณภาพดี สวยงามทันสมัย ใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า, HIGH LIQUIDITY คล่องตัวทางการเงินขายต่อได้ง่าย, HIGH YIELD สามารถสร้างรายได้ คือปล่อยเช่าง่ายและได้ราคาเช่าที่ดี สุดท้ายคือ HIGH PROFIT คือต้องสามารถทำกำไรได้ดีเมื่อต้องการขาย