ปิดจ๊อบงาน Home-Loan-NPA Grand Sale 2023 โกยยอดขายทรัพย์มือสองไปได้ 1,176 ล้านบาท จากผู้เข้าชมงานที่มีคุณภาพ เน้นการเข้ามาซื้อภายในงาน  คาดธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์เดินหน้าลุยต่อ อัดโปรปั๊มยอดขายโค้งสุดท้ายก่อนจบมาตรการกระตุ้นอสังหาฯสิ้นปี 66

นายอลงกต บุญมาสุข เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย  เปิดเผยว่า สมาคมฯได้จัดงาน  Home – Loan - NPA Grand Sale 2023  มหกรรมสินเชื่อบ้านและบ้านมือสองแห่งปี  ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมการขายทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset: NPA) ของธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งผลของการจัดงาน   ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ  โดยมียอดขายทรัพย์มือสองรวมภายในงานกว่า 1,176 ล้านบาท คาดสามารถปิดยอดต่อเนื่องจนถึงปลายปีอีกกว่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากจำนวนผู้เข้าชมงานและยอดขายที่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า งาน Home-Loan-NPA Grand Sale 2023 สามารถตอบโจทย์ผู้ต้องการทรัพย์มือสองทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและลงทุน ด้วยราคาที่ถูกกว่าบ้านสร้างใหม่ พร้อมด้วยโปรโมชั่นดีๆ ที่ธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ร่วมงานนำเสนอให้กับผู้ที่สนใจ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่สนับสนุนการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 1% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% จนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยให้ได้ผลการขายเป็นที่น่าพอใจ

ขณะเดียวกันเชื่อว่า ธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์แต่ละแห่ง จะยังคงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทรัพย์มือสองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งระบาย NPA ที่มีอยู่ออกไปให้ได้มากที่สุด ด้วยโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้น จึงยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุนที่จะยังได้ Benefit ที่ดีจากการซื้อทรัพย์มือสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัดสินใจก่อนที่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯจะหมดลงในสิ้นปี 2566 เท่ากับว่าจะคงได้ส่วนต่างจากการได้ลดค่าโอนและค่าจดจำนองอีกเกือบๆ 2%

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ภาพรวมของการจัดงาน Home – Loan - NPA Grand Sale 2023  มหกรรมสินเชื่อบ้านและบ้านมือสองแห่งปี  ครั้งที่ 20  สะท้อนถึงความต้องการอสังหาริมทรัพย์มือสองยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่พบว่าสัดส่วนจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์จากต้นทางที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วประเทศมีสัดส่วนประมาณ 60% ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ ประมาณ 240,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยคาดว่าอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลประมาณ 100,000 หน่วย มูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และราคาบ้านใหม่ที่แพงขึ้นทำให้คนหาซื้อบ้านมือสองเป็นสินค้าทดแทน

คนซื้อสนใจคอนโดฯ 3-5 ล้าน โซนจตุจักรมากที่สุด

ขณะที่ ผู้บริโภคให้ความสนใจคอนโดมิเนียมมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน  36.7%  ทำเลที่ผู้บริโภคให้ความสนใจสูงสุด  อยู่ในเขตจตุจักร บริเวณ MRT  สถานีลาดพร้าว  และสายสีเหลือง  เป็นคอนโดมิเนียม 1 ห้องนอน  ขนาด 31-50 ตารางเมตร  ราคา 3-5 ล้านบาท

บ้านเดี่ยวได้รับความสนใจเป็นอันดับ 2 คิดเป็น 35.6% ทำเลที่ผู้บริโภคให้ความสนใจสูงสุด ได้แก่ เขตสายไหม เขตคลองสามวา และเขตบางขุนเทียน  โดยส่วนใหญ่ต้องการบ้านเดี่ยว  ขนาด 50-60 ตารางวา 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคา 3-5 ล้านบาท

ส่วนทาวน์เฮ้าส์ได้รับความสนใจเป็นอันดับ 3 มีสัดส่วน 27.7% ทำเลที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่  เขตสายไหม  เขตประเวศ  และเขตคลองสามวา  เป็นทาวน์โฮม  ขนาดพื้นที่ 16-25 ตารางวา   2 ชั้น    3 ห้องนอน  2 ห้องน้ำ  ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท

สำหรับทิศทางการเติบโตของทรัพย์มือสองในประเทศไทยในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตทั้งทางฝั่ง Demand และ Supply จากสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ทางสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์จะมีทรัพย์มือสองเพิ่มปริมาณเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก และในฝั่งของผู้บริโภคจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ต้นทุนในการก่อสร้างบ้านใหม่สูงขึ้น ทำให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลที่ต้องการลดลง ทรัพย์มือสองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด รอการสนับสนุนมาตราการต่างๆของรัฐบาลเพื่อจะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้เติบโตเร็วขึ้นในปีหน้า