สมกับเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย คำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล หรือ ESG มาโดยตลอด สำหรับ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศให้ DRT ติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ในระดับ AA ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง งานนี้ ‘สาธิต สุดบรรทัด’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เป็นปลื้มสุดๆ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นถึงการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ทางด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ทำรายได้รวม 1,374.49 ล้านบาท เติบโต 10.61% และมีกำไรสุทธิ 168.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.44% แม้เป็นช่วงโลว์ซีซัน ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ชี้กลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาฯ และห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ เติบโตแรงเป็นเลข 2 หลัก พร้อมบริหาร Product Mix และรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 80-90% ดันอัตราทำกำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 27.85% หนุนผลงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ ทำกำไรสุทธิ 512.90 ล้านบาท เดินหน้าลุยตลาดโค้งสุดท้ายของปี มั่นใจปีนี้เติบโตตามเป้า   

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา ไม้บันได SPC-FC ร้านกาแฟสำเร็จรูป (DIAMOND Cafe) และบริการติดตั้งโครงหลังคาและกระเบื้องหลังคา ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง แม้เป็นช่วงนอกฤดูการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง (โลว์ซีซัน) และสูงกว่าการขยายตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง โดยทำรายได้รวม 1,374.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพการทำธุรกิจและขีดความสามารถการแข่งขันของแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความแข็งแกร่งด้านแบรนด์สินค้าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุม จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้าโครงการผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ มีอัตราการขยายตัวเป็นเลข 2 หลัก

 ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการบริหารประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรโดยเฉลี่ย 80-90% และการบริหาร Product Mix ทำให้ DRT สามารถบริหารความเสี่ยงด้านปัจจัยต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น เป็นผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น 3 ไตรมาสติดต่อกัน โดยในไตรมาส 3 มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 27.85% สูงกว่าช่วงไตรมาส 2 ที่มีกำไรขั้นต้น 25.16% และไตรมาส 1 ของปีที่ทำได้ 24.70% ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 ทำได้ 168.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.44% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปีนี้ มีรายได้รวม 4,446.35 ล้านบาท เติบโต 11.26% และมีกำไรสุทธิ 512.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“แม้ในไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่เราทำงานอย่างหนักปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยนำเสนอโซลูชันทั้งสินค้าควบคู่กับการบริการแบบครบวงจร รองรับการขยายตัวของลูกค้าโครงการและการบริหาร Product Mix และรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเพื่อผลักดันกำไรขั้นต้นได้ตามแผน ” นายสาธิต กล่าว 

ส่วนทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งรักษาขีดความสามารถการแข่งขันการทำตลาดภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ และบริหารจัดการด้านการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 25-27% และผลักดันเป้ายอดขายเติบโต 5% ตามแผน