พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI ปลื้มผลประกอบการไตรมาส 2ปี 2566 เติบโตก้าวกระโดดในทุกกลุ่มธุรกิจ โชว์กวาดรายได้สูงถึง 446 ล้านบาท เติบโต 124% คว้ากำไรสุทธิ 92 ล้าน เพิ่มขึ้น 77% ประกาศพร้อมเร่งเดินหน้าขยายอาณาจักร Super Living Service ต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร มั่นใจรายได้ทั้งปี 1,300 ล้านบาทตามเป้า

นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส​ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 (1 เม.ย.-30 มิ.ย.66) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 (%YoY) และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 (%YoY) รวมถึงบริษัทมีภาพรวมรายได้ในครึ่งแรกของปี 2566 (1 ม.ค.-30 มิ.ย.66) อยู่ที่ 842 ล้านบาท  คิดเป็น 65% ของเป้ารายได้รวมทั้งปี 1,300 ล้านบาท

เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 เรามีฐานลูกค้าที่มากขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ทำให้บริษัทมีรายได้ที่เป็น Recurring Income ที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องจากปี 2565 ถึงต้นปี 2566 ให้มีธุรกิจครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตามแผนงานการสร้าง Super Living Service และผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่งนางสาวจตุพร กล่าว

ในด้านการพิจารณาเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ให้ครบวงจรมากขึ้นนั้น บริษัทย่อยของ PRI หรือ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ ได้เข้าซื้อ บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด ในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2566 ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับ ที่ปรึกษาควบคุมโครงการก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้างทุกชนิด ให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง งานควบคุมการออกแบบ งานควบคุมคุณภาพ รวมถึงงานบริหารต้นทุนโครงการ ต่อยอดธุรกิจเดิมในปัจจุบันและทำให้กลุ่ม PRI มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้บริษัท สามารถรับรู้รายได้บริการเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ปี 2566 เป็นต้นไป โดย PRI ยังคงพิจารณาการเข้าซื้อกิจการทั้งที่เกี่ยวข้องธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มบริการครบวงจรมากขึ้นและหนุนผลประกอบการเติบโตตามแผน

นางสาวจตุพร กล่าวอีกว่า จากผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ที่สามารถสร้างรายได้รวมถึง 65% ของเป้ารายได้รวมทั้งปี แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การสร้างการเติบโตแบบ Super Living Service เป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์การเติบโต ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566 บริษัทจะยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นว่ารายได้ปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาทอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2566 ในอัตรา 0.394 บาทต่อหุ้น โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่  29 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 12 กันยายน 2566