พฤกษา โฮลดิ้ง โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ทำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% มีรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท เติบโต 72% และ 20% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565


นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง ในภาพรวมยังต้องจับตาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งภาคธุรกิจคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ จะเข้ามาเร่งดำเนินนโยบายหาเสียง ที่สนับสนุนการสร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ ส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ มองว่า อาจจะยังไม่จำเป็นมากนัก ควรหันมาโฟกัสเรื่องกำลังซื้อของประชาชนกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภาคธุรกิจมากขึ้น ทั้งนี้พฤกษา ซึ่งอยู่ในวงการอสังหาฯมากกว่า 30 ปี ยังคงมุ่งพัฒนาสินค้าตอบรับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเน้นการเปิดตัวโครงการแนวราบซึ่งพฤกษามีความเชี่ยวชาญ ส่วนการปรับตัวของต้นทุน ประกอบกับกำลังซื้อน้อยลง เป็นวัฎจักรของธุรกิจที่ขึ้นลงอยู่ตลอด ดังนั้นภาคธุรกิจจึงต้องมีการปรับตัวให้สอดรับ 

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ของพฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH สามารถทำรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% โดยมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจเฮลท์แคร์ กำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท โดยราว 700 ล้านบาท เป็นรายได้จากความสำเร็จในการสวอปหุ้นบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของ PSH เพื่อนำไปลงทุนในหุ้นของบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ที่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะสร้างรายได้และการเติบโตที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทฯ กำไรของครึ่งปีแรกถ้าหักรายการพิเศษจากการสวอปหุ้นออก ธุรกิจหลักของกลุ่มก็ ยังคงมีกำไรครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตกว่า 10% จากปี 2565

สะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันทางกลุ่มประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทั้งยอดโอนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านเฮลท์แคร์ ที่มีการเติบโตที่สูงขึ้น และยอดคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำของ อินโน พรีคาสท์ ก็ทะลุกว่า 2,200 ล้านบาท สูงขึ้นเกินกว่าเท่าตัวจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 1,000 ล้านบาท อีกก้าวหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งเดียวในประเทศไทย

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 
- มียอดขาย 4,650 ล้านบาท เติบโต 4% จากไตรมาสก่อน
- มียอดโอน 5,650 ล้านบาท เติบโต 11% จากไตรมาส 2 ปี 2565 เป็นรายได้จากกลุ่มสินค้าแนวราบ และการโอนคอนโดฯ 6 โครงการมาจากช่วงต้นปี ในครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท คิดเป็น 38% และยอดโอน 11,680 ล้านบาท คิดเป็น 42% จากเป้าหมายรวมทั้งหมด 

สำหรับยอดโอนในช่วงครึ่งปีแรกที่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย มองว่า ในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจอสังหาฯ ทำให้ยอดโอนหายไปบ้าง แต่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยพฤกษายังมี ยอดขายรอโอน (Backlog) ราว 4,975 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้ทั้งหมด และบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่มูลค่ากว่า 10,593 ล้านบาท คาดว่าจะทำยอดขายได้ราว 80%  ทั้งนี้พฤกษายังคงดูแลกลุ่มลูกค้าอย่่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันมีอัตราการปฎิเสธสินเชื่อราว 5-6% 


พร้อม เปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 4,848 ล้านบาท  
-โครงการ แชปเตอร์วัน ออล รามอินทรา ทำยอดขายได้มากกว่า 50% ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากคนไทยและต่างชาติ
-โครงการ พลัมคอนโด นิวเวสต์ ย่านบางใหญ่ สามารถทำยอดจองในวันพรีเซลที่ผ่านมาได้ถึง 580 ล้านบาท เริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท

 


พฤกษา จึงได้พิจารณาอนุมัติจ่าย เงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2566 ให้กับ ผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่แข่งขันได้ในตลาด กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 28 ส.ค. 2566 จ่ายเงินปันผล วันที่ 8 ก.ย. 2566

สำหรับ ในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการรวม 17 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท การเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดทั้งปีเป็นไปตามแผน โดยยกระดับสินค้ากลุ่มพรีเมียมขึ้นเป็น 30% ในช่วงครึ่งปีแรก

ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ 
- รายได้ไตรมาส 2 ปี 2566  มีรายได้รวม 440 ล้านบาท เติบโต 117% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565
- รายได้รวมในครึ่งปีแรก 852 ล้านบาท
โดยโรงพยาบาลวิมุตทำรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้น 77% สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษากว่า 26% และได้ขยายความร่วมมือกับ นัลลูรี่ (Naluri)  ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล  ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

 

พฤกษา โฮลดิ้ง  ยังได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environment Social Governance: ESG)  และได้รับการยอมรับเรื่องความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน Global Reporting Initiative ที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและเฮลท์แคร์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มด้วย