นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท  คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำ Living Solutions Provider เปิดเผยว่า “ปัจจัยที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2566 ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มีดังนี้

1. การเปิดโครงการใหม่ ทั้งแนวราบ และ แนวสูง ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา SC ได้เปิด 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ 95E1 (ไนน์ตี้ไฟว์ อีสต์วัน) คือ Ultra Luxury Residence โครงการใหม่ระดับ 100 ล้านบาท บนทำเลเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพียง 10 ยูนิต และ COBE (โคบบ์) รัชดา-พระราม9 คอนโดมิเนียม ใจกลางย่านธุรกิจ ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม ราคาเริ่ม 2.39 ล้านบาท

2. การ SC จับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น “โตเกียว ทาเทโมโน” (Tokyo Tatemono) บริษัทอสังหาฯ ที่แข็งแกร่งระดับแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น มีสถานะการเงินที่มั่นคง และ มีวัฒนธรรมการทำงานที่สอดคล้องกับ SC อย่างลงตัว ด้วยการร่วมทุนโครงการแรก คือ เรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท และยังคงมีแผนร่วมทุนกันในอนาคต

โดยผลดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 10,136 ล้านบาท เติบโต 12% (YoY) แบ่งเป็นรายได้จากการขาย 95% และรายได้จากการเช่าและบริการ 5% มีกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เติบโต 16% (YoY)  โดยรายได้หลัก จากการขาย 9,621 ล้านบาท เติบโต 12% มาจากรายได้โครงการ แนวราบ 7,597 ล้านบาท และรายได้จากโครงการแนวสูง 2,024 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 111% (YoY) โดยปัจจัยหลัก มาจากการโอน 2 โครงการระดับ Super Luxury  ได้แก่ 28Chidlom, SCOPE Langsuan และมียอดขายรอโอนหรือ Backlog รวม 13,009 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 โดยคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2566 แล้วในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 6 กันยายน 2566”

สำหรับครึ่งปีหลัง บริษัทฯ พร้อมเปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนบราบ 13 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ บ้านชั้นนำจาก SC อาทิ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด , บางกอก บูเลอวาร์ด , เดอะ เจนทริ,  เวนิว ไอดี และ วีคอมพาวด์ และ แนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ COBE และ SCOPE พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าสรรหาที่ดินในทุกทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ สำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

 

นายอรรถพล กล่าวสรุปว่า “ในปี 2566 นี้ SC ยังมีโครงการเพื่อขายรวมทั้งหมด 74 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 81,000 ล้านบาท ในสัดส่วนแนวราบ 70% และแนวสูง 30% และ ด้วยความมุ่งมั่นในการเตรียมความพร้อมในทุกด้านของ SC เพื่อรับมือกับปัจจัยความผันผวน ทางเศรษฐกิจ และการเมือง เรายังคงเชื่อมั่นว่าจะทำสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”