อากาศที่ว่าร้อนแรง ยังไม่เท่ากระแสค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น เฉลี่ยแล้ว 30-50% ถือว่าพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มหาวิธีช่วยดับร้อนจากบิลค่าไฟในแต่ละเดือน และเทรนด์ที่ยืนหนึ่งเรื่องการประหยัดค่าไฟในตอนนี้ คงไม่พ้นเรื่องของโซลาร์ รูฟ ซึ่งก็สอดคล้องกับเทรนด์การใช้พลังงานสะอาดที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก และมีแนวโน้มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนสูงขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 85% ภายในปี 2050 เลยทีเดียว ส่งผลให้ปัจจุบันเจ้าของบ้านยุคใหม่ต่างศึกษาข้อมูลในเรื่องการติดตั้งโซลาร์ รูฟ กันอย่างจริงจัง แต่ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดและขั้นตอนการติดตั้ง อยากให้ทุกคนได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับโซลาร์รูฟกันก่อน

หลังคาโซลาร์รูฟ เหมาะกับบ้านแบบไหน?

หลังคาโซลาร์จะทำงานได้ดีต่อเมื่อรับแสงอาทิตย์ได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเหมาะกับบ้านที่มีคนอยู่ในเวลากลางวันมากที่สุด เพราะสามารถนำพลังงานจากแสงอาทิตย์ไปใช้ได้ในทันที ทำให้ประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวันนั่นเอง แต่หากใครอยู่บ้านในเวลากลางคืนเป็นหลักแล้วอยากติดตั้งโซลาร์ ก็มีระบบโซลาร์ที่เหมาะสมรองรับเช่นกัน โดยระบบของโซลาร์รูฟมีอยู่ 3 ระบบด้วยกัน

  1. ระบบออนกริด (On Grid) เป็นระบบที่ใช้ทั้งไฟจากการไฟฟ้าและไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์  เหมาะกับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวัน ไม่มีแบตเตอรี่  ผลิตไฟฟ้าได้แล้วใช้เลย  และสามารถขายไฟคืนให้การไฟฟ้าได้ (สำหรับไฟ 1 เฟส : ระบบไม่เกิน 5kW. และ สำหรับไฟ 3 เฟส : ระบบไม่เกิน 10 kW.) ซึ่งก่อนติดตั้งโซลาร์ต้องขออนุญาตการไฟฟ้าก่อน
  2. ระบบออฟกริด (Off grid) ระบบนี้ไม่เชื่อมต่อกับการไฟฟ้า หรือเรียกว่าเป็นระบบ Stand Alone  ไม่ต้องขออนุญาตจากการไฟฟ้า เนื่องจากใช้ไฟที่ผลิตจากแผงโซลาร์เท่านั้น ซึ่งเหมาะกับสถานที่ที่การไฟฟ้าไม่สามารถเข้าถึง เช่น พื้นที่ห่างไกล บนดอยสูงต่าง ๆ เป็นต้น 
  3. ระบบไฮบริด (Hybrid) เป็นส่วนผสมระหว่างระบบ Off Grid และ On Grid  คือ มีการใช้ไฟจากทั้งการไฟฟ้า ไฟที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์ และไฟจากแบตเตอร์รี่ ในกรณีที่แผงโซลาร์ผลิตกระแสไฟฟ้ามากเกินกว่าการใช้งาน แบตเตอรี่จะกักเก็บไฟ และสามารถดึงมาใช้ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งระบบไฮบริด ต้องขออนุญาตการไฟฟ้าก่อนการติดตั้งเช่นเดียวกับระบบ On Grid แต่ระบบไฮบริดจะไม่สามารถขายกระแสไฟให้กับภาครัฐได้ 

เมื่อเข้าใจระบบการทำงานของโซลาร์รูฟแล้ว หากเจ้าของบ้านสนใจติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟ ต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี...

อันดับแรกควรเตรียมตัวหาข้อมูลให้พร้อม เลือกบริษัทฯ ติดตั้งที่มีมาตรฐาน มีการรับประกันอย่างครอบคลุมตลอดอายุการใช้งาน จะทำให้เจ้าของบ้านไม่เกิดความกังวลใจในภายหลัง เพราะมีประกันการดูแลหลังการติดตั้ง หากอุปกรณ์เกิดขัดข้องจะได้มั่นใจว่าต้องสามารถติดต่อใคร ดังนั้นการมีผู้เชี่ยวชาญในด้านหลังคาโซลาร์โดยตรงจะทำให้เจ้าของบ้านคลายกังวลในข้อนี้ไปได้หลายเปาะเลย

เริ่มจาก…เช็คลิสต์กันก่อนเลยว่า จะติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟ เจ้าของบ้านต้องรู้อะไรบ้าง

1. ปรึกษาและรับคำแนะนำจากมืออาชีพ

แน่นอนว่าควรมองหาที่ปรึกษาเรื่องโซลาร์รูฟ ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งเรื่องระบบและการติดตั้งมาให้คำแนะนำ ซึ่ง SCG Solar Roof Solutions ก็ถือว่าเป็นผู้นำในการทำหลังคามากว่า 80 ปี รวมถึงเชี่ยวชาญเรื่องบริการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์แบบครบวงจรมาไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยมีการดูแลและให้คำปรึกษาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงรับประกันการติดตั้งตลอดการใช้งานสูงสุด25 ปี

นอกจากนี้ยังมี SCG Solar Expert Station ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญ เพื่ออำนวยความสะดวก สามารถติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้รวดเร็วขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

โดยจะมี SCG Solar Expert หรือผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคาโซลาร์ จะให้คำปรึกษา แนะนำขั้นตอนและระบบการทำงาน รวมไปถึงออกแบบระบบหลังคาโซลาร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมประเมินราคา ซึ่งพบได้ที่สาขานำร่อง ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี อุบลราชธานี เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ที่ SCG Home, SCG Home Experience และ SCG Authorized Dealer

2. ตรวจเช็กหลังคาให้พร้อม

ก่อนอื่นต้องตรวจเช็กโครงสร้างหลังคาว่ามีความแข็งแรงเพียงพอในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนการบริการนี้ ทาง SCG Solar Roof Solutions จะมีเจ้าหน้าที่ทำการสำรวจ ตรวจเช็กสุขภาพหลังคา (Roof Health Check) เพื่อให้มั่นใจว่าหลังคาพร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟ ขั้นตอนนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าหลังคาจะไม่มีปัญหาตลอดอายุการใช้งาน เพราะโครงสร้างหลังคาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากหลังคาบ้านไม่แข็งแรงหรือชำรุดก็อาจเสี่ยงต่อการรั่วซึมของหลังคาในภายหลัง

3. ออกแบบระบบหลังคาโซลาร์รูฟท็อป

หลังจากตรวจเช็กสภาพหลังคาเรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านจะต้องคำนวณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน เพื่อประสิทธิผลที่ดีควรคำนวณจากบิลค่าไฟฟ้ารายเดือน ย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้เจ้าของบ้านทราบว่าค่าเฉลี่ยจากการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่เท่าไร ซึ่งในขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างมากที่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้แนะนำ เช่นเดียวกับเอสซีจีที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านหลังคาโซลาร์รูฟโดยเฉพาะ ตั้งแต่การเข้าสำรวจ ตรวจสอบโครงสร้างหลังคา แก้ไขปัญหาและให้คำแนะนำ ตลอดจนคำนวณการใช้ไฟฟ้า รวมถึงออกแบบการติดตั้งแผงโซลาร์ (Optimized Design) ให้เหมาะสมต่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของบ้านแต่ละหลัง เพื่อการติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงสุดและคุ้มค่าในระยะยาว

4. ติดตั้งโซลาร์รูฟ

ขั้นตอนการติดตั้งถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด ควรเลือกช่างที่มีความชำนาญทั้งด้านระบบโซลาร์ และด้านหลังคาโดยเฉพาะ ซึ่ง SCG Solar Roof Solutions มีความเชี่ยวชาญด้านการติดตั้งหลังคามาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีสินค้า Solar Roof ที่มีมาตรฐาน จึงทำให้เจ้าของบ้านหมดความกังวลเรื่องปัญหาหลังคารั่วซึมด้วย Solar FIX นวัตกรรมยึดแผงโซลาร์กับผืนหลังคาแบบพิเศษ โดยไม่ต้องเจาะกระเบื้องหลังคา ทำให้หลังคาไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึม โดยการติดตั้งสามารถทำได้กับหลังคาเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น หลังคาคอนกรีต, หลังคาเซรามิค, หลังคาเมทัลชีท และ หลังคาคอนกรีตสแลป เป็นต้น

เมื่อทางผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กสุขภาพของหลังคาพร้อมแก้ไขปัญหาก่อนการติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการออกแบบระบบโซลาร์ให้สอดคล้องกับการใช้ไฟฟ้าของแต่ละบ้าน จากนั้นจึงจะดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟ

5. ขออนุญาตติดตั้งโซลาร์รูฟ

มาถึงขั้นตอนของการดำเนินเรื่องเอกสาร หลังจากติดโซลาร์รูฟเรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านมีความประสงค์ที่จะเข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนจะต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ เพื่อไปยื่นต่อ 3 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)  หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.),  เขต หรือ อบต. และ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความละเอียดขั้นตอนหนึ่งเลย โดยในส่วนนี้ทางเอสซีจีได้มีบริการดำเนินการเรื่องเอกสารขออนุญาตการติดตั้งกับทางภาครัฐตลอดทั้งกระบวนการ (Free Solar Permitting Process) ถือเป็นการลดขั้นตอนความยุ่งยากและช่วยให้เจ้าของบ้านได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

6. บริการหลังการขายที่ครอบคลุม

การติดตั้งโซลาร์รูฟไม่ได้จบแค่ติดตั้งเสร็จเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านต้องเลือกสินค้าที่มีคุณภาพและผู้ให้บริการที่มีบริการหลังการขายที่ดีและมีมาตรฐาน เพราะการติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟถือเป็นการลงทุนในระยะยาว ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้นบริการหลังการขายจึงเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นเลย โดยเอสซีจีจัดให้ครอบคลุมทั้งในเรื่องการรับประกันการติดตั้งรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบ มีการรับประกันยาวนานสูงสุดถึง 25 ปี และมีบริการหลังการขาย (Excellence After Sales Service) ทั้งการดูแลให้คำปรึกษา ตรวจเช็กระบบจากทีมผู้เชี่ยวชาญเอสซีจี

เช็คลิสต์การติดตั้งหลังคาโซลาร์รูฟกันเรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะได้ข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินใจสำหรับเจ้าของบ้านมือใหม่ว่าจะเริ่มต้นจากส่วนไหนดี เลือกสินค้าและบริการแบบใดจึงเหมาะกับความต้องการและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย ลองเข้ามาปรึกษากับ SCG Solar Expertได้ที่สาขานำร่องทั่วประเทศ หรือติดต่อผ่านเว็บไซต์ได้ที่ https://www.scgbuildingmaterials.com/th/solution/solar-roof รวมไปถึงหน้าร้าน SCG HOME Experience, SCG HOME บุญถาวร และ SCG Authorized Dealer ทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ SCG Contact Center โทร. 02-586-2222