นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี  กล่าวว่า ปัจจุบันพลังงานทดแทนเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มีแนวโน้มความนิยมสูง จากพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟสูงขึ้นเฉลี่ย 30-50% และผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นถึง 12-15% และคาดการณ์ว่าภายในปี 2050 สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนของโลกจะสูงขึ้นถึง 85% ซึ่งค่าเฉลี่ยของการติดตั้งโซลาร์รูฟหลังคา ก็จะเวลาราว 7-10 ปี ในการคืนทุน

ซึ่งปัจจุบันก็จะเห็นผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายได้นำระบบโซลาร์รูฟเข้ามาใช้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับโครงการที่อยู่อาศัย รวมถึง Solar Energy Trading การซื้อขายพลังงานไฟฟ้าระหว่างครัวเรือน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยเร่งให้พลังงานทางเลือกเพิ่มระดับความนิยมที่เข้มข้น รวมถึงผลักดันให้ตลาดโซลาร์รููฟเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

‘เอสซีจี โซลาร์ รูฟ โซลูชัน’ จึงได้เดินหน้าด้วยกลยุทธ์ SCG Solar Expert Station โมเดลธุรกิจที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก Insight ของผู้อยู่อาศัยยุคใหม่ โดยสร้างจุดเชื่อมระหว่างลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบหลังคาโซลาร์โดยตรง ให้ติดต่อและเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การติดตั้งหลังคาโซลาร์ รูฟ เป็นไปได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

โดย SCG Solar Expert หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโซลาร์จะให้คำปรึกษาฟรี แนะนำขั้นตอนและระบบการทำงาน, ออกแบบระบบหลังคาโซลาร์ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมประเมินราคา โดยมีแผนขยายไปที่ SCG Home, SCG Home Experience และ SCG Authorized Dealer ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ มีสาขานำร่อง อาทิ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี อุบลราชธานี เชียงใหม่ และหาดใหญ่ พร้อมขยายไปยังหัวเมืองหลักเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในปี 2566

โดยในปี 2566 คาดว่า ‘เอสซีจี โซลาร์ รูฟ โซลูชัน’ จะสามารถสร้างยอดขายโตเฉลี่ย 200%  หรือเติบโตกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ครองตำแหน่งการเป็นผู้นำด้านระบบหลังคาโซลาร์ในตลาด Residential ประเทศไทย ซึ่งล่าสุดลูกค้าได้มีการตอบรับที่ดีด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด ผ่าน 3 จุดแข็ง คือ EXPERT เอสซีจีมีวิศวกรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Solar & Home Energy management และมีความเชี่ยวชาญด้านหลังคาซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการติดตั้งโซลาร์ โดยมีบริการตรวจสุขภาพหลังคาก่อนการติดตั้ง พร้อมนวัตกรรม Solar FIX ที่ติดตั้งหลังคาโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคา ทำให้หลังคาไม่เสี่ยงต่อการรั่วซึม ONE STOP SERVICE การให้บริการแบบครบวงจร โดยออกแบบระบบโซลาร์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้ไฟของบ้านลูกค้า รวมถึงดำเนินการ ขออนุญาตกับทางภาครัฐ ทำให้การติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์กับเอสซีจีถูกต้องตามกฎหมาย 100% และ AFTER SALES SERVICE การรับประกันตลอด 25 ปีโดยเอสซีจี

ยิ่งไปกว่านั้น ยังถือเป็นโอกาสสำคัญให้คนไทยเกิดการตื่นตัวในเรื่องของพลังงานทดแทน ด้วยการยกระดับพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมประสิทธิภาพโซลาร์เซลล์อย่างสูงสุด โดยให้เหมาะสมต่อพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าและสภาพแวดล้อมของไทย ในฐานะที่เอสซีจีเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านระบบหลังคามาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันและอนาคต