นายเศรษฐา  ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2565 นับได้ว่าเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน แต่ยังคงไม่เต็มที่ ทำให้มีทั้งโอกาสทางธุรกิจและปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเป็นความท้าทายภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนแต่แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวมถึง 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% และยอดโอน 36,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

 

สำหรับในปี 66 แสนสิริจะมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง โดยเตรียมเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 75,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ เติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 75%ซึ่งเป็นการทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนยอดขายในปี 66 ตั้งเป้าไว้ที่ 55,000 ล้านบาท รายได้รวม 40,000 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิ ที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

 นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ (SIRI)  กล่าวว่า เรายังเห็นโอกาสการเติบโตของบ้านในกลุ่มลักซ์ชัวรี่อย่างต่อเนื่อง เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก โดยลูกค้ากว่า 30% เป็นลูกค้าซื้อเงินสด ส่วนกลุ่มที่ขอสินเชื่อก็มีการวางเงินดาวน์มากกว่า 30% ขึ้นไป ซึ่งจากความเชี่ยวชาญของบริษัทจึงมั่นใจว่าปีนี้ตลาดบ้าน-คอนโดฯหรูยังสามารถโตต่อได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีสต็อกบ้านแนวราบอยู่ราว 3,000 ล้านบาทเท่านั้น พร้อมเตรียมงบซื้อที่ดินราว 10,000 ล้านบาท

ซึ่งในปี 66 ตามแผนได้มีการเตรียมเปิดโครงการแนวราบ 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท โดยไฮไลท์ในปีนี้แสนสิริจะมีการเปิดตัวบ้านหรู อาทิ  

- การเปิดตัว “นาราสิริ พหล – วัชรพล” มูลค่าโครงการ 5,300 ล้านบาท

- “บูก้าน” เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ เปิดตัว รวม 3 โครงการ บน 3 ทำเลไพร์มใหม่ คือ ทำเลกรุงเทพกรีฑา, พัฒนาการ และ พระราม 9 – เหมงจ๋าย มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท

-  “เศรษฐสิริ” เน้นเจาะกลุ่ม Target อายุน้อยลง เปิดตัว New Design Series ภายใต้แนวคิด Portrait of Success กับ 4 ดีไซน์ใหม่ เริ่มโครงการแรก “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” สไตล์ “Georgian” จอร์เจียน

- "สราญสิริ" เปิดตัวรวม 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท

- มิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมในโครงการเดียว แบรนด์อณาสิริรวม 9 โครงการใหม่ กับ 2 ดีไซน์ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี Japanese และ Mediterranean

 

พร้อมเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อขยายในแต่ละ Portfolio  ให้แข็งแกร่ง อาทิ

- แบรนด์ที่อยู่ใน Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักซ์ชัวรี เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 (นัมเบอร์ นายทีน) และ Sirinsiri (สิริณสิริ)

- แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ Narinsiri (ณริณสิริ) และ Ombré (ออมเบร)

- แบรนด์คอนโดฯ ใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ที่จะเริ่มทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ต่างๆ ในปีนี้ เพื่อตอกย้ำ Forward Thinking Brand และความเป็น First Mover ของแสนสิริ 

ส่วนคอนโดฯ ปีนี้เตรียมเปิด 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนถึง 151% โดยไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่

- การเปิดตัว New Luxury Condominium ในสุดยอดทำเลศักยภาพ อาทิ ทำเลใจกลางเมืองอย่าง “อารีย์”  และ “ราชเทวี”

- การเปิดตัวคอนโดฯ แบรนด์ใหม่ที่เป็น One of a kind Project หรือแบรนด์ใหม่ที่มีความโดดเด่นบนโลเคชั่นเดียว อาทิ  Cabanas Huahin และ อีก 2 แบรนด์คอนโดฯ ไลฟ์สไตล์ในย่านสุขุมวิท

- รีเฟรชแบรนด์ “ดีคอนโด” ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในคอนเซ็ปท์ “Stay Well-Rounded คอนโดที่คิดเพื่อชีวิตดีรอบด้าน” โดยปีนี้เตรียมเปิด “ดีคอนโด” ซีรี่ส์ใหม่ 5 โครงการ 5 ทำเลศักยภาพ อาทิ หาดใหญ่, ภูเก็ต, รังสิต, ศรีราชา, ลาดกระบัง มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังบุกตลาดต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ หัวหิน, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่, ขอนแก่น และชลบุรี โดยเตรียมเปิด12 โครงการ มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท

ซึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ จะเน้นการเปิดตัวโครงการที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในแต่ละทำเล พร้อมกับรุกโมเดล New Sansiri Communities เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการปั้น “สังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ” ซึ่งปีนี้เตรียมพัฒนาใน 8 โซน บนพื้นที่ราว 200-500 ไร่/โซน  

คือ  กรุงเทพกรีฑา คอมมูนิตี้,  บางนา - เลค 26, รังสิต -  บางพูน, กรุงเทพ – ปทุมธานี, ราชพฤกษ์ – 346, พระราม 2 – วงแหวน, ประชาอุทิศ 90 และ เวสต์เกต

เจาะตลาดลูกค้า CLMV

นอกจากนี้แสนสิริยังพร้อมรับการกลับมาของตลาดต่างชาติ โดยวางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนตลาดต่างชาติ ในปีนี้ไว้กว่า 12,000 ล้านบาท โตขึ้น 54% จากปีก่อน ที่มียอดขายจากตลาดต่างชาติ 7,800 ล้านบาท ซึ่งปีนี้รุกตลาดในกลุ่ม CLMV เพื่อขยายตลาดต่างชาติให้กว้างขึ้นจาก จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซียโดยนำสินค้าคอนโดฯ กลุ่ม 2-5 ล้านบาทบุกตลาด ซึ่งคาดว่าจะได้ยอดขายราว 10% จากฐานลูกค้าเดิม

อย่างไรก็ดีการเปิดตัวคอนโดฯ 22 โครงการใหม่ ไม่น่ากังวลเรื่องจำนวนคอนโดฯที่เข้าสู่ตลาดมากจนเกินไป เพราะเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่สามารถรองรับกับการขายได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งก่อนช่วงโควิดแสนสิริก็มีการเปิดตัวโครงการใหม่ราว 20,000 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว ขณะที่ปัจจุบันมีสต็อกอยู่ราว 8,000 ล้านบาทเท่านั้น