“เอสซีจี เซรามิกส์” เปิดผลประกอบการปี 2565 มีรายได้จากการขาย 13,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 % จากยอดขายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น ขาดทุน 228 ล้านบาท จากการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ และค่าเผื่อมูลค่าสินค้าลดลงของสินค้าคงเหลือของโรงงานผลิตแผ่นหินประดิษฐ์ขนาดใหญ่ เผยแผยปี 66 เตรียมรับมือด้วยแผนลดต้นทุนการผลิตและเร่งโครงการ Energy Saving พร้อมดัน COTTO ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเซรามิกส์ในประเทศปีนี้โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีทิศทางเติบโตได้ต่อเนื่องตามการเติบโตของงานโครงการอสังหาฯ ซึ่งมีการก่อสร้างโครงการใหม่ สอดคล้องกับแรงหนุนฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ที่เป็นปัจจัยหนุนให้มีความต้องการสินค้าในกลุ่มเซรามิกส์ แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และอัตราเงินเฟ้อที่ทำให้ภาคการส่งออกชะลอตัว โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกตลาดส่งออกยังไม่โตมากนัก ตามความผันผวนสูงจากมาตรการควบคุมเงินไหลออก

"ต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบกับธุรกิจ ซึ่งบริษัทก็ได้มีการปรับขึ้นราคาสินค้ามาทุกไตรมาสแต่ก็ยังไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ปีนี้จำเป็นต้องปรับราคาขึ้นอีก เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงาน ซึ่งภาพรวมการเติบโตคาดว่า ตลาดในประเทศจะขยายตัวราว 1-2% ส่วนตลาดต่างประเทศจะเติบโตจากมูลค่าการส่งออก ตามราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 5%"

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัท ได้มีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้น-ยาว โดยในปี 2566 บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ 450-500 ล้านบาท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ผ่านการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่เพิ่มประสิทธิภาพเตาการผลิตให้ดี ลดใช้พลังงานลง ควบคู่กับโครงการที่ลดใช้พลังงานในกระบวนการผลิตมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมลงทุนขยายร้านกับผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าโมเดิร์นเทรด เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายและทั่วถึง เน้นบริหารพอร์ตสินค้า โดยจะขายสินค้าที่มีกำไรสูงควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐาน ทั้งในด้านดีไซน์ ความสวยงาม คุณภาพสินค้า และการบริการที่เหนือกว่า เมื่อเทียบกับสินค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่มุ่งแข่งขันเรื่องราคาเป็นหลัก และมุ่งที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ และช่องทางออนไลน์   ที่เริ่มเป็นกำลังซื้อที่สำคัญ

ในส่วนของการสร้างรายได้และกำไร คาดการณ์ว่าจะได้ส่วนเพิ่มจากสินค้าและบริการใหม่ ๆ ทั้ง LT by COTTO, Pool & Decorative Tiles, C’Tis บริการติดตั้งวัสดุกรุผิวครบวงจร, ผลิตภัณฑ์ติดตั้งและซ่อมแซมพื้นผิว, SUSUNN Smart Solution ธุรกิจด้านการจัดการพลังงานและด้านวิศวกรรม

สำหรับผลประกอบการปี  2565  บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 13,157  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปี 64 เป็นผลจากการปรับราคาขายขึ้นและยอดขายภายในประเทศที่เติบโตขึ้น โดยบริษัทขาดทุนเท่ากับ 228 ล้านบาท ลดลง 139% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายการสำคัญ (Key Items) กำไรจากการดำเนินงานปกติจะเท่ากับ 469 ล้านบาท ลดลง 13% จากราคาพลังงานพุ่งสูงจนส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาสที่ 4 และคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และสถานการณ์ตลาดกระเบื้องเซรามิกในปีนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง