บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ NOBLE ประกาศความสำเร็จปีที่ผ่านมา 2565 หลังยอดขายทำ นิวไฮ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มาที่ระดับ 17,400 ล้านบาท หนุน Backlog ปี 2565 พุ่งกว่า 19,000 ล้านบาท ปี 66 พร้อมเดินหน้าเปิดตัว 10 โครงการใหม่ ขยายพอร์ตแนวราบเพิ่ม มูลค่ารวม 23,300 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 23,000 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 15,000 ล้านบาท 

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) NOBLE  กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 66 คาดว่า เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกโดยเฉพาะการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวทำให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี เกิดการจ้างงานมากขึ้น ส่งผลให้ประชากรภายในประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับล่าสุดรัฐบาลจีนก็มีการประกาศปลดล็อคและเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยบวกใหม่ที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยคึกคักมากขึ้น และจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยด้วยจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน

ซึ่งมองว่าการเปิดประเทศของจีน เป็นโอกาสดีให้กับภาคอสังหาฯไทย โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ที่หลังโควิดคลี่คลายจะเริ่มเห็นเทรนด์ความต้องการของลูกค้าจีนกับสินค้าคอนโดฯพร้อมอยู่มากขึ้น เพราะคนจีนมีความต้องการที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งคนจีนมีความต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยเองทั้งครอบครัวจากเดิมที่นิยมซื้อเพื่อลงทุน และยังมีลูกค้าต่างชาติ อาทิ ไต้หวัน สิงคโปร์ เมียนมาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตอนนี้นิยมเข้ามาซื้ออสังหาฯในไทย โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ของปี 66 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดต่างชาติชัดเจนยิ่งขึ้น  

ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลพระรามเก้า ซึ่งเป็นย่านนิยมของนักลงทุนต่างชาติติดห้างเซ็นทรัลพระราม 9 คือโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 75% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้งลูกค้าชาวไทยและลูกค้าต่างชาติ ขณะที่บริษัทมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปี 66 มูลค่า 11,300 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการก่อสร้างมูลค่า 18,700 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าไทย-ต่างชาติ ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในปีนี้ 

สำหรับในปี 65 บริษัทฯ ได้เปิดขายโครงการใหม่จำนวน 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท กวาดยอดขาย (Pre-sale) ได้ 17,400 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่า 19,000 ล้านบาท ถือเป็นยอดขายและยอดขายรอโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา (All-time high)

สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการ ที่อยู่อาศัยที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมทั้งความต้องการบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท โดยบ้านแนวราบระดับราคาเริ่ม 5 ถึงมากกว่า 30 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูงจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900 ล้านบาท โครงการจะกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลกลางใจกลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯ มีที่ดินพร้อมสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการแล้วทั้งหมด และปีนี้เตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่มเติม ราว 3,000 - 4,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการที่เน้นเจาะกลุ่ม Ultra Luxury Segment เพิ่มขึ้น จำนวน 3 โครงการ ได้แก่

  • โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ บ้านเดี่ยวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา
  • โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย บ้านเดี่ยวใจกลางทำเล CBD พระราม 9 – เอกมัย
  • โครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ บีชฟร้อนท์ ที่ดินหน้ากว้างติดทะเล ใจกลางตัวเมืองชะอำ

 จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท