กานดา พร็อพเพอร์ตี้ ปลื้มยอดขายปี 2565 ทะลุเป้า 3,300 ล้านบาท โกยรายได้ 2,000 ล้านบาท ชี้แนวคิด 5 Kanda Concept ตอบโจทย์ผู้บริโภค มั่นใจกำลังซื้อเรียลดีมานด์ยังหนุนตลาดบ้านแนวราบโตได้ต่อเนื่อง ปี 2566 เดินหน้าเปิด 5 โครงการใหม่มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท 

นายหัสกร บุญยัง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในรอบปี 2565 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทสามารถทำยอดขายรวมได้เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3,300 ล้านบาท เล็กน้อย ขณะที่รายได้จากการโอนสามารถทำได้ 2,000 ล้านบาท แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท แต่ถือว่ารายได้ยังเทียบเท่ากับปี 2564 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทสามารถเปิดโครงการใหม่ไปได้ 2 โครงการ จากแผนจะเปิด 5 โครงการ เนื่องจากติดปัญหาการก่อสร้างที่ล่าช้าในช่วงฤดูฝน ประกอบกับ ได้มีการปรับแบบบ้านในโครงการใหม่ เพื่อให้แต่ละฟังก์ชั่นใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับโครงการใหม่ที่เปิดขายในปีนี้ ได้แก่ โครงการไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 และโครงการไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-นาจอมเทียน ซึ่งเป็น 2 โครงการบนทำเลใหม่ ตามกลยุทธ์ Kanda Change  ที่บริษัทวางแผนไว้ว่าจะขยายไปในทำเลใหม่ๆ ปีละ 1-2 โครงการ และการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด 5 Kanda Concept ได้แก่

1. Multi Generation การให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันของครอบครัวแบบไทย

2. Easy Maintenance การออกแบบให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา

3. Eco Smart การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. Flood Protection การป้องกันอุทกภัยในทุกโครงการ

5.Space Matter การให้ความสำคัญกับการออกแบบทุกพื้นที่ใช้สอย

 

“ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของกลยุทธ์ Kanda Change และ 5 Kanda Concept ที่นำมาใช้กับการปรับแบบบ้าน และการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ของบริษัท ที่เห็นได้ชัดคือ โครงการไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 ที่มีการปรับฟังก์ชั่นภายในบ้านภายใต้แนวคิด Space Matter ที่ทำให้พื้นที่ใช้สอยทาวน์โฮมมีขนาดใกล้เคียงบ้านเดี่ยว สามารถใช้ประโยชน์ในทุกพื้นที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งเพิ่มสวนหลังบ้านให้ผู้อยู่อาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น จนได้รับการตอบรับที่ดีสำหรับโครงการไอลีฟ ไพร์ม ลำลูกกา คลอง 2 มียอดขายแล้วกว่า 40 ยูนิต มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท หลังจากการเปิดขายได้เพียง 1 เดือน ส่วนโครงการไอลีฟ ไพร์ม พัทยา-นาจอมเทียน มียอดขายแล้ว 50 ยูนิต มูลค่า 150 ล้านบาท

 

สำหรับภาวะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2565 ถือว่าอยู่ในระดับทรงตัวไม่ถึงกับหวือหวา แต่ก็ยังมีความต้องการซื้อจากผู้อยู่อาศัยจริงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2566 ก็จะยังคงทรงๆ ตัวเช่นเดียวกับปี 2565 แม้จะมีความเห็นจากหลายฝ่ายว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก แต่ก็เชื่อว่า ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงจะช่วยขับเคลื่อนตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบให้สามารถไปต่อได้ ประกอบกับการที่ประกาศเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคม 2566 จะยิ่งช่วยให้ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งชลบุรี (พัทยา) ภูเก็ต เชียงใหม่ กลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทยังคงสานต่อกลยุทธ์ Kanda Change และ 5 Kanda Concept พร้อมกับการเปิดโครงการใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปี 2565 จำนวน 3 โครงการ และเป็นโครงการในทำเลใหม่อีก 1 โครงการ หลังจากที่บริษัทได้ใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพิ่มสำหรับการพัฒนาโครงการในปี 2566-2567 ซึ่งจะทำให้ในปี 2566 บริษัทจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโครงการเปิดใหม่รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท โดยได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 3,500 ล้านบาท เติบโต 10% และตั้งเป้ารายได้ที่ 2,500 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 20%