สมาคมอาคารชุดไทย คาด ตลาดคอนโดปี 66 เติบโตแรง รับโอกาสเศรษฐกิจฟื้นตัวสูงสุดรอบ 4 ปี ต่างชาติแห่เดินทางมาไทย จัดงาน สัมมนาผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2023 หวังเป็นแนวทางช่วยผู้ประกอบการทุกขนาดเติบโต ยกทัพกูรูตัวจริงวงการอสังหาฯ อาทิ JLL-ไนท์แฟรงค์-ซีบีอาร์อี-ฮาร์วี่แลนด์-ศุภาลัย-ออริจิ้น-เสนา ร่วมวิเคราะห์กลยุทธ์การปรับตัว-แนวทางกระตุ้นยอดขาย-แนวโน้มตลาดลูกค้าต่างชาติ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจคอนโดมิเนียมในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวสูงสุดในรอบ 4 ปีจากหลากหลายปัจจัย อาทิ การคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19 การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ การเดินทางมาลงทุนและท่องเที่ยวของต่างชาติจากการเปิดประเทศของนานาประเทศสำคัญทั่วโลก ส่งผลให้ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนคอนโดมิเนียมกลับมามีโอกาสเติบโตในทุกเซ็กเมนต์


นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย

เพื่อให้ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมทุกกลุ่มมีขีดความสามารถในการปรับตัวในปีหน้า สมาคมอาคารชุดไทย จึงได้จัดงานสัมมนาประจำปีขึ้นในหัวข้อ “ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2023” ยกทัพผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นกูรูตัวจริงของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย มาร่วมวิเคราะห์กลยุทธ์การปรับตัว แนวทางกระตุ้นยอดขาย ตลอดจนแนวโน้มการฟื้นตัวและเติบโตของตลาดต่างชาติ เป็นแนวทางช่วยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกขนาดให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางกลยุทธ์และแนวทางการเติบโตในปี 2566 พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมและตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

ด้าน นายกิตติพงษ์ สุมานนท์ ประธานการจัดงานสัมมนา “ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2023” และกรรมการบริหารสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ภายในงานสัมมนาดังกล่าว ประกอบด้วยการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “แรงงานไทยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคอนโดมิเนียม”

คุณสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน

และการสัมมนาในอีก 2 หัวข้อที่ถือเป็นประเด็นร้อนแรงสำหรับปี 2566 ได้แก่

หัวข้อ แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมกับลูกค้าต่างชาติ

  • คุณสุพินท์ มีชูชีพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลว่า คอนโดมิเนียมตั้งแต่ Mid-Low, Up-Mid, Premium, Super Premium  ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อ 2020 นั้น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ต้องการถือเงินสด ไม่ต้องการถือ Inventory ซึ่งโครงการที่แล้วเสร็จใหม่ๆ ก็เริ่มทำ flash sale ในคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมและลักซัวร์รี่ ทำให้ตอนนี้ส่วนที่เป็นคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม และลักซัวร์รี่ บนทำเลทองหล่อ หรือสุขุมวิท เพลินจิต สีลม สาทรนั้น Inventory ที่มีอยู่เดิมนั้น มีเหลืออยู่น้อยมาก จะมีแค่ที่เป็นสินค้าระดับ Mass เท่านั้น ที่ยังเหลือขาย

แล้วพอมาดูอัตราการขายในโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว อัตราการขายโดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2010 - Q3 2022 มีอัตราการขายอยู่ที่ 96.5% ซึ่งจะพบว่าตลาด Speculation นั้นจะยังไม่กลับมา เนื่องจากว่า Presale market นั้น ขายได้ช้า โดยที่สินค้า Hi-end หรือ Premium ที่อยู่ในทำเลดีๆ ถูก absorb หรือถูกขายให้กับลูกค้าอยู่เอง ไม่ใช่การขายให้กับลูกค้าเกร็งกำไร มองว่า ลูกค้าเกร็งกำไร ตลาดวายไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด 

โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 โครงการที่เปิดขา จะมี Sale Rate ที่ต่ำ ซึ่งถ้าดูค่าเฉลี่ย สินค้าซูเปอร์ พรีเมี่ยม มียอดขายเฉลี่ย 3 ปี ตั้งแต่ ปี 2020 อยู่ที่ 62% และในไตรมาส 3 ปี 2022 นี้มียอดขายโครงการใหม่อยู่ที่ 50% เมื่อมองไปที่พรีเมี่ยม ก็อยู่ที่ 60%+ สินค้าไฮเอนด์อยู่ที่ใกล้ๆ 60% ส่วนอัพมิดก็จะมากขึ้นกว่า 60%+ ส่วน Mid-low เป็นระดับราคาเดียที่มีค่าเฉลี่ยการขายของโครงการใหม่มากกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมา 

ยอดโอนคอนโดมิเนียมในลูกค้าต่างชาติ พบว่า มีจำนวนยูนิตที่มีการโอนมากขึ้น พบกว่า จำนวนยูนิตที่โอนในปี 2022 มีจำนวนถึง 58,000 ยูนิต ซึ่งเป็นมูลค่ามากถึง 150,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีสัดส่วนเป็นลูกค้าต่างชาติที่ 10% ของ 58,000 ยูนิต ดังนั้นจึงเป็นสัดส่วนลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 5,800 ยูนิต พอดูที่มูลค่าจะอยู่ที่ 20% ของ 150,000 ล้านบาท นั่นก็คือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท 

ชาวต่างชาติที่ซื้อยังคงเป็นจำนวนชาวต่างชาติที่มากที่สุด โดยมีมูลค่าสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาทต่อยูนิต แต่ในสัญชาติอื่นไม่ว่าจะเป็นสัญชาติ อเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย กัมพูชา ไต้หวัน อังกฤษ พม่า ออสเตรเลีย หรือินเดีย ซื้อในระดับราคาที่สูงกว่าชาวจีน แต่ซื้อในปริมาณที่น้อยกว่าชาวจีน อย่างไรก็ตามมูลค่าของคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นใน 3 ไตรมาสนี้ของปี 2022 นี้ พบว่ามีสัดส่วนชาวจีนซื้อมากที่สุด และมากกว่ามูลค่า 50% ของมูลค่า  30,000 ล้านบาท 

  • คุณณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด สำหรับตัวชี้วัดที่น่าสนใจ มองถึง จำนวนนักที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทย และ FDI หรือ การลงทุนโดยตรงจากต่าง ชาติ  อย่าง การเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ในช่วงก่อนโควิด-19 มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 30 ล้านคนต่อปี โดยมียอดค่าใช้จ่ายมากถึง 1.8 ล้านล้านบาทต่อปี โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 49,000 บาทต่อหัว เมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19 มีจำนวนยักท่องเที่ยวเพียง 6 ล้านคน ต่อปี 

โดยช่วงก่อนโควิด-19 พบว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยมากที่สุด คือ ชาวจีน มีจำนวนมากถึง 10 ล้านคนต่อปี ถัดมาคือชาวเมเลเซีย ตามด้วย เกาหลี ลาว และญี่ปุ่น ตามลำดับ แต่พอมาถึงช่วงโควิด-19 นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย เปลี่ยนเป็นชาวยุโรป เนื่องจากการหนีโควิด-19 เข้ามาในไทย รวมถึงมาตรการ Phuket Sanbox และเมื่อโควิดซาลงในปี 2565 ก็กลับมาเป็นเอเชีย อีกครั้ง  

ในส่วนของ FDI ในปี 2559 อยู่ที่ประมาณ 500,0000 ล้านบาท ในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 797,978 ล้านบาท ในปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 900,000 ล้านบาท เห็นได้ว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท ปีถัดไป 2563 อยู่ที่ประมาณ 213 ล้านบาท ในปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 455 ล้านบาท และในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 275 ล้านบาท โดยเฉลี่ยนับเป็นการลงทุนจากชาวต่างชาติอยู่ที่ 30-40% เมื่อลงทุนมาก เจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติมามาก โอกาสในการขายคอนโดมิเนียมก็มากตามไปด้วย โดยมีสัดส่วนเป็นาวไต้หวัน เป็นอันดับ 1 ชาวญี่ปุ่นมาเป็นอันดับ 2 และจีฯมาเป็นอันดับ 3 ชาวจีน คือ มาทั้งการท่องเที่ยว และการลงทุน และตามมาด้วยออสเตรีย และสิงคโปร์ ตามลำดับ 

สรุปประเด็น สำคัญ

• คาดว่านักท่องเท่ียวจะเพิ่มขึ้น มากกว่า 8,000,000 ราย จนถึงสิ้นปี 2565 ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเท่ียวในประเทศเอเชีย อาทิ มาเลเซีย, อินเดีย, สิงคโปร์, เวียดนาม นับเป็นโอกาสในการขายหรือไม่? และจะเข้าถึงโอกาสนี้อย่างไร? พื้นท่ีท่ีเป็นท่ีนิยม และสามารถปล่อยเช่าลงทุน ได้
• จากตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน พบว่ามีตัวเลขลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการปิดประเทศ และคาดว่าจะยังคงนโยบายจนถึงกลางปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้ ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง การทำการตลาดเชิงรุกในกลุ่มตลาดจีนควรเริ่มตอนนี้หรือ รอกลางปีหน้า ?
• การเติบโตจากการลงทนุทางตรง (FDI) มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในพื้นนื้ท่ี EEC โดยเฉพาะจังหวัดระยอง ทั้งนี้จะส่งผลให้ความต้องการทั้งโรงงานอตุสาหกรรม และคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึง ความต้องการท่ีอยู่อาศัยในบริเวณ ดังกล่าว ผู้ประกอบการจะเข้าถึงโอกาสนี้อย่างไร?
• อะไรดีในปี 2566

  • คุณอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ปัจจัยหลักๆ ที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของชาวต่างชาติ
    ปัจจจัยภายใน คือ
    Cost of living หรือ ค่าใช้จ่ายในประเทศไทย นับว่าถูกมาก ด้วยเงินเก็บหลังเกษียณ หากนำไปใช้ในประเทศอื่นๆ ก้จะหมดในเวลาที่เร็วกว่า แต่หากมาอยู่ในเมืองไทย เขาจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า และเงินเก็บนั้นก็อยู่ได้ในระยะเวลาที่นานกว่า 
    - Government Policy ที่ดี โดยเฉพาะข้อที่บอกว่าชาวต่างชาติถือครองคอนโดมิเนียมได้ถึง 49% และเป็น ​free hold ด้วย เพราะในบางประเทศไม่ได้สิทธิต่างชาติถิอครองแบบ free hold ได้ 
    - Service and Hospitality ต้องบอกว่าประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งของการบริการอยู่แล้ว ดังนั้นต่างชาติที่เข้ามาเมืองไทย เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์เขาก็มองด้านนี้เป็นหลัก 
    - Infrastructure และ Facility รวมถึง International School ด้วย เพราะคือ ความสะดวกสบายในภาพรวม อาทิ การมีสนามบินนานาชาติกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงรถไฟฟ้า กระจายออกไปรอบนอก แสดงให้เห็นการเชื่อมต่อของกรุงเทพและปริมณฑล ถ้ามองลึกๆ ข้อดี คือ เมื่อความสะดวกในการเดินทางกระจายออก ราคาที่ดินก็ถูกกว่า ราคาคอนโดก็ถูกกว่า เราก็สามารถดึงดูดลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาได้ 
    - Food & Culture อันนี้ต้องบอกเลยว่า ไทยวีวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเป็น Open Culture อันนี้สำคัญมาก เพราะทำให้เราดึงดูผู้ซื้อที่หลากหลายสัฐชาติเข้ามา ไม่ได้กระจุก ทำให้มีคนหลากหลายรูปแบบอยากเข้ามาอยู่ในเมืองไทยมากขึ้น ต้องบอกว่า การท่องเที่ยวมีส่วนสำคัญที่จะดึงดูดคนที่ให้อยากมีอยู่ในประเทศไทย รู้สึกชอบประเทศไทย อยากกลับมาอีก พอกลับมาอีก ก็เกิดความผูกพัน และค้นหาที่อยู่อาศัย 
    - Health & Wellness ประเทศไทยมีโรงพยาบาลชั้นนำทั้งบำรุงราฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โรงพยาบาลปิยเวช ตั้งแต่ 5-6 ปี ก่อน เรามีอาจารย์หมอ และลูกค้าชาวต่างชาติจำนวนมาก ดังนั้น เมื่อชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวในประเทศไทย คือเขามาท่องเที่ยว พร้อมๆ ไปกับการมารับบริการ Health & Wellness ทั้งการตรวจสุขภาพ ท่องเที่ยว การกิน ที่พัก  ค่าตั๋วเครื่องบิน รวมแล้วค่าใช้จ่ายยังน้อยกว่าการรับบริการรักษาพยาบาลในประเทศของเขา 
    - Property Type ที่ประเทศไทยมีราคา มีสินค้าที่น่าสนใจ 

  • คุณเค่อเจีย เตียว (ไมค์) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาร์วี่แลนด์ จำกัด มีทำโครงการ TC Green ตรงพระราม 9 เน้นขายคนจีนเป็นหลัก และโครงการ One9Five พระราม 9 ก็ขายคนจีนเยอะมาก โดย 2 โครงการนี้ แทบไม่ได้ใช้ Agent ขายเลย เน้นการขายเองด้วยเพราะเป็นคนจีนอยู่แล้ว และมีโครงการเล็กๆ ทำเลรัชดา-ห้วยขวาง ที่กำลังก่อสร้างอยู่ 

    สำหรับคำถามว่า คนจีนจะกลับมาซื้ออสังหาฯ เมืองไทย เมื่อไร คือ เรื่องนี้ไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาโควิด-19 แล้ว แต่ยังมีปัจจัยด้านอื่นๆ อย่างรัฐบาลจีน หากเปิดประเทศ คนจีนก็คงออกไปหมดเลย ก็จะเป็นปัญหาทั่วประเทศ ดังนั้น รัฐบาลคงต้องทยอยๆ เปิด จากการที่รัฐบาลจีนปิดประเทศมา 2-3 ปี แล้ว ดังนั้น สิ่งที่เราจะมองได้ คงต้องไปสังเกต เที่ยวบิน ที่เปิดให้เยอะขึ้น เยอะกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก รวมถึงหลายๆ เมือง อาทิ ฮ่องกง ก็เปิดประเทศแล้ว ต้องมองว่า ฮ่องกงก็เหมือนด่านแรกของจีน ถ้าฮ่องกงเปิด เมืองจีนก็อีกไม่นาน คาดการณ์ว่า น่าจะกลางๆ ปีหน้า คนจีนก็น่าจะทยอยๆ มา แต่เชื่อว่ารัฐบาลจีนต้องมีมาตรการหลายๆ อย่างไม่ให้ออกมาทีเดียว 

    คำถามที่ว่าทำไมคนจีนชอบซื้ออสังหาฯ ในไทย ลึกๆ แล้ว ต้องมาดูว่าคนจีนต้องการอะไร เพราะจริงๆ แล้วคนจีนมีทางเลือกที่เยอะมาก เมื่อเทียบกับทั่วโลก ทั้งอเมริกา ยุโรป ถ้าในเอเชียก็มีญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ที่นับเป็นคู่แข่งของเมืองไทย แต่ข่าวดีคือ คนจีนค้นหาอสังหาฯ ไทย เป็นอันดับที่ 1  รองลงมาเป็นญี่ปุ่น อย่างในญี่ปุ่น ต้องบอกว่าคจีนสามารถซื้อบ้านได้ และญี่ปุ่นเป็นสังคมที่มีระเบียบวินัย ซึ่งก็เหมาะสำหรับคนจีนบางกลุ่ม เพราะคนจีนมีหลายกลุ่ม ซึ่งเขาอาจจะชอบแบบนี้ 

    ก่อนหน้านี้ คนจีนชอบไปซื้ออสังหาฯ ที่มาเลเซีย เพราะก่อนหน้านี้มาเลเซียมีนโยบายหากมาลงทุนที่มาเลเซียก็จะมีนโยบายกึ่งๆ ได้สัญชาติ คล้ายๆ ได้วีซ่า แต่มากกว่าวีซ่านิดหนึ่ง เข้าออกได้ง่ายขึ้น อันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าคิด ส่วนสิงคโปร์ ก็เป็นแบบเศรษฐีคนจีนที่ย้ายไปอยู่สิงคโปร์เยอะมาก เพราะสิงคโปร์ให้ต่างชาติที่มีศักยภาพย้ายเข้าสัญชาติได้ รวมถึเงื่อนไขการลงทุน แต่เมืองไทยเรายังไม่มี ขนาดว่า เมืองไทยไม่ได้มีเงื่อนไขพวกนี้ เมืองไทยก็ยังเป็นอันดับหนึ่งในการค้นหาที่อยู่อาศัยของคนจีน ที่คนจีนสนใจ ด้วยความเป็นมิตรของคนไทย คนจีนชอบมาก และประเทศไทยยินดีต้อนรับคนจีน บางประเทศ อย่างโซนยุโรป เวลาคนเอเชียเข้าไปก็อาจไม่ได้รับการต้อนรับ แบบสังคมไทย รวมถึงศาสนา ที่ใกล้เคียงกัน เรื่องอาหารการกิน ที่คนจีนก็กินข้าวเหมือนกัน อาหารใกล้เคียงกัน ทั้งนี้คนจีนที่มาซื้ออสังหาฯ ในไทย เขาซื้อไว้พักผ่อนมากกว่า ก้เหมือนการที่คนไทยซื้อที่อยู่ที่พัทยา หรือ หัวหิน เพราะฉะนั้นคนจีนที่ซื้อในเมืองไทย จะไม่ได้ซื้อเป็นบ้านหลังแรก จะเป็นการซื้อบ้านหลังที่ 2 บ้านหลังที่ 3 เขาต้องมีบ้านที่เมืองจีนอยู่แล้ว ยกเว้นคนจีนที่มาทำงานในเมืองไทย 

    คอนโดมิเนียมไทย กับคอนโดมิเนียมจีน ก็แตกต่างกัน อย่างเรื่อง การตกแต่ง คอนโดมิเนียมในจีนเขาไม่ได้ตกแต่งให้ ต้องซื้อแล้วแต่งเอง ถ้าในไทย มาตรฐานต้องให้ Fully-Fixed หรือบาง developer ก็แถมเฟอร์นิเจอร์ด้วย คนซื้อไม่ต้องทำอะไร อันนี้ ขอชื่นชมเมืองไทยเลย โดยเฉพาะเรื่องของ กฎหมายนิติบุคคล เรื่องไทยนี้นำเมืองจีนเยอะ เมืองจีนเรื่องนิติบุคลไม่ค่อยชัดเจน อย่างเรื่องช่องจอดรถ ในเมืองจีนเขาขายได้ แต่ในไทยขายไม่ได้ ซึ่งจริงๆ ตามกฎหมายจีนก็ห้ามนะ แต่ในทางปฏิบัติคือมันก็ยังเกิดขึ้น เป็นต้น 

    ทำไมคนจีนเลือกเมืองไทย และต้องทำยังไงให้คนจีนมาไทย มองว่าต้องส่งเสรอมเรื่องภาพลักษณ์ รวมถึงเรื่องวีซ่า ปัจจุบันไทยมี ลงทุน วีซ่า หรือ Thiland Elite อยู่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนน้อย คนที่ซื้อได้บางกลุ่มเท่านั้น แต่คนจีนส่วนใหญ่ที่เข้ามาเมืองไทย เป็น Available Visa ที่บินมาทางสุวรรณภูมิเข้ามาได้ 30 วัน (แต่เดิมได้แค่ 15 วัน) แต่ช่วงโควิด-19 เขาเปิดเพิ่มให้นักท่องเที่ยว แต่เมื่อครบ 30 วัน ก็ต้องออกไปเลย เสนอว่า คนที่ซื้อคอนโดมิเนียม ถือว่ามีที่อยู่แล้ว ให้เขาต่อวีซ่าอีก 1-2 เดือนได้ไหม หรือ เราผลักดันให้ธนาคารให้คนต่างชาติกู้เงินได้ไหม ไม่ต้อง 100% หรอก กู้ 50% ก็ได้ ดอกเบี้ยแพงกว่าคนไทยก็ได้ 6-7% ก็ยินดี แบบนี้เป็นต้น 

    ห้องสำหรับคนจีนที่จะมาอยู่เอง ต้องห้องใหญ่นิดหนึ่ง 21 ตารางเมตร แบบนี้เล็กไป ส่วนกลางเป็นนับว่ามีประโยชน์กับคนขาย อย่างสระว่ายน้ำ เอาจริงๆ ไม่แทบไม่ได้ใช้ แต่มีผลต่อการตัดสินใจ แบบสระว่ายน้ำสวย ถ่ายรูปลง Facebook ลง We chat เรียกว่ามีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อ อีกอย่างคือ  คนจีนทำอาหารกลิ่นแรง ก็ควรมีครัวปิด แบบครัวไทย แบบนี้ก็จะดี  
     

หัวข้อ ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2023

  • คุณประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

  • คุณพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) 

“เราพยายามฉายภาพให้เห็นทั้งนโยบายภาครัฐในปีหน้า กลยุทธ์การกระตุ้นตลาดทั้งลูกค้าในประเทศและลูกค้าต่างประเทศ เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบการทุกกลุ่ม โดยทางสมาคมคาดว่าจะจัดงานลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง” นายกิตติพงษ์ กล่าว