บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 เติบโตอย่างต่อเนื่อง กวาดรายได้รวม 1,424.70 ล้านบาท เติบโตขึ้น 75.98% และกำไรสุทธิ 317.15
ล้านบาท เติบโตขึ้น 110.39%  หลัง Q3/2565 ทำผลงานกวาดรายได้รวมกว่า 475.55  ล้านบาท เติบโตขึ้น 79.81%  พร้อมส่งซิกโครงการ "CHERENE กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า" หลังเปิดจองรอบ VIP ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม มั่นใจแนวโน้มผลประกอบการจะสามารถเติบโตได้ 2 เท่าใน 3 ปี ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้

นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-ก.ย. 2565) มีรายได้อยู่ที่ 1,424.70 ล้านบาท เติบโต 75.98%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 809.58 ล้านบาท และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 317.15 ล้านบาท เติบโต 110.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 150.75 ล้านบาท ซึ่งสร้างการเติบโตของกำไรได้สูงกว่าการเติบโตของรายได้ และยังมียอดขายสะสมประมาณ 1,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ในช่วงไตรมาส 3/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 108.87 ล้านบาท เติบโต 121.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 49.16 ล้านบาท พร้อมกันนี้ในช่วงไตรมาส 3/2565 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 475.55 ล้านบาท เติบโต 79.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 264.47 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ในทุกโครงการ โดยปัจจุบัน โครงการเฌอ งามวงศ์วาน-ประชาชื่น ,โครงการเฌอ วัชรพล รวมถึงโครงการ คอร์ดิซ แอท อุดมสุข มียอดขายรวมกันมากกว่า 90% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้ง 3 โครงการได้ภายในไตรมาส 4/2565 สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมามีการเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งกำไรสุทธิและรายได้ ซึ่งถือว่าเป็นการตอกย้ำการต่อยอดความสำเร็จจากในช่วงครึ่งปีแรกได้อย่างชัดเจน และพีซแอนด์ลีฟวิ่งก็ไม่หยุดที่จะต่อยอดความสำเร็จ โดยได้ประเดิมเปิดโครงการแรก "CHERENE กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า" บ้านเดี่ยวโครงการใหม่แห่งแรก สไตล์ Modern European บนทำเลติดถนนร่มเกล้า ซึ่งได้เปิดจองรอบ VIP ไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า

อย่างไรก็ตามจากแผนธุรกิจที่ชัดเจนและการลงทุนอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอน ทำให้เห็นว่าหลังจากที่ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีผ่านมา ทางบริษัทได้สร้างพื้นฐานให้มีความแข็งแกร่ง และเตรียมพร้อมในการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคตให้มีความแข็งแกร่งและมั่นคง รวมทั้งจากปัจจัยทั้งหมดนี้จะเป็นการช่วยสนับสนุนให้ “หุ้น PEACE” เป็นหุ้นแบบเติบโต (Growth Stock) และเป็นหุ้นปันผล (Dividend Stock) อย่างชัดเจนนายประสพศักดิ์ กล่าว