RT เผยแนวโน้มก่อสร้างกระทบจากแรงงานขาดแคลน ราคาน้ำมัน-วัสดุปรับตัวสูง มองแนวโน้ม Q2/65 ยังมีความเสี่ยง เดินหน้าปรับกลยุทธ์บริหารโครงการก่อสร้าง มุ่งเน้นจัดการต้นทุน-แรงงาน เตรียมรับใหม่จำนวน 6 งาน มูลค่า 5,637.72 ล้านบาท ดัน Backlog ตามเป้า 8,500 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 1/65 รายได้รวม 503.69 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 25.32 ล้านบาท

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในช่วงปีนี้ ยังคงได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่องจากปี 2564 ทั้งการปิดแคมป์ก่อสร้างชั่วคราวและปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ส่งผลให้การก่อสร้างชะลอตัว อีกทั้งยังได้รับผลกระทบด้านต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันการขนส่ง

อย่างไรก็ตาม บริษัทติดตามสถานการณ์และแนวโน้มราคาวัสดุอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับปัจจัยการก่อสร้างที่มีความผันผวน โดยประเมินแผนการใช้วัสดุก่อสร้างเป็นระยะ รวมถึงการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวางแผนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการช่วยเหลือของกรมบัญชีกลางสำหรับการต่ออายุสัญญางาน การงดหรือลดค่าปรับของงานก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านราคาวัสดุให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคาดว่าสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างจะยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูง และเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม เนื่องจากวิกฤติต่างๆ อาทิ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังคงผลักดันราคาน้ำมันและเหล็ก ให้มีแนวโน้มที่สูงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมีแนวทางจัดการปัญหาแรงงานก่อสร้างอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถเร่งการดำเนินงานให้เสร็จตามเวลา ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หากภาครัฐพิจารณาให้การระบาดของโรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เชื่อว่าจะส่งผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารโครงการก่อสร้างให้ดำเนินการปกติและจะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเข้ารับงานใหม่ในประเภทต่าง ๆ อาทิ งานประเภทอุโมงค์ดินอ่อน และ งาน Slope Protection โดยแบ่งเป็นงานที่ลงนามสัญญาแล้วจำนวน 2 โครงการ, งานที่อยู่ระหว่างรอเรียกลงนามสัญญา จำนวน 2 โครงการ และงานที่อยู่ระหว่างการพิจารณาจำนวน 2 โครงการ รวมทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่ารวม 5,637.72 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ทยอยรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,782 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565) ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565-2567 และมีเป้าหมาย Backlog ทั้งปี 2565 อยู่ที่ 8,500 ล้านบาท

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 503.69 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 735.52 ล้านบาท จำนวน 231.83 ล้านบาท หรือ ลดลง 31.52 % และ มีขาดทุนสุทธิ 25.32 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.25 ล้านบาท จำนวน 62.56 ล้านบาท หรือ ลดลง 167.97 %

สาเหตุที่รายได้ของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากการรับรู้งานก่อสร้างชะลอตัว โดยมีจำนวนแรงงานในโครงการต้องกักตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจัยด้านราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30%

“ที่ผ่านมาบริษัทปรับตัวตามสถานการณ์ โดยหมุนเวียนพนักงานหลายระลอกจากการกักตัวในพื้นที่โครงการที่มีการระบาด ส่งผลให้การดำเนินงานมีความล่าช้าจากแผนที่ได้วางไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทบริหารความเสี่ยงและมีแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงการดูแลพนักงานของบริษัท เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างปกติ” นายชวลิต กล่าว