นาทีนี้ลูกบ้านแอชตันอโศก ยอมรับว่าเครียดหนักมาก เพราะนับตั้งแต่ที่มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตอาคารจากศาลปกครองกลาง ตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ที่ลูกบ้านยังคงไม่ได้รับความชัดเจนถึงกระบวนการ หรือแนวทางการเยียวยาจากผู้พัฒนาโครงการ หรือภาครัฐ ที่จะเข้ามาดูแลลูกบ้านกว่า 600 ครอบครัว

            ทำให้กลุ่มลูกบ้านต้องมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และทวงถามถึงความคืบหน้า จากอนันดา บริษัทผู้พัฒนาคอนโดหรู โครงการแอชตัน อโศก ผ่านไลฟ์สด เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 64 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ที่กลุ่มลูกบ้านมาเรียกร้องออกสื่อ  

            แน่นอนว่าแนวทางการช่วยเหลือหลังยื่นหนังสือไปถึงบริษัทอนันดาฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และตอนนี้ลูกบ้านพร้อมใจยืนยันว่าสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เคยให้สินเชื่อแก่ลูกบ้าน ตอนนี้ปฏิเสธการให้ทำ Retention ในส่วนดอกเบี้ยของวงเงินกู้ยืมเดิม และสถาบันการเงินหลายแห่งปฏิเสธในการอนุมัติคำขอสินเชื่อ Refinance ด้วยเหตุที่หลักประกันสินเชื่อซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการแอซตันอโศกอยู่ในความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้อันเป็นผลกระทบโดยตรงจากคำพิพากษาศาลปกครองกลางดังกล่าว

            กลุ่มลูกบ้านแอซตัน อโศก ระบุว่า มีวงเงินสินเชื่อต่อสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมกันประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งการที่ไม่ได้รับอนุมัติให้ทำ Retention หรือ Refinance ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยส่วนต่างเพิ่มขึ้น 2-3% คิดเป็นวงเงินค่าเสียหายราว 60-90 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถ้าต้องใช้เวลาในการพิจารณาคดีอีก 5 ปี จะคิดเป็นค่าเสียหายรวม ประมาณ 300-450 ล้านบาทเลยทีเดียว

            ซ้ำร้ายกลุ่มลูกบ้านยังไม่สามารถทำการขายห้องชุดให้แก่บุคคลภายนอกได้เลยเนื่องจากไม่มีบุคคลใดยินยอมรับซื้อห้องชุดภายในโครงการแอซตันอโศกอันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

            ในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางจนกระทั่งมีคำสั่งถึงที่สุดให้ทำการรื้อถอนอาคารชุดแอซตันอโศกแล้ว พวกเราจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงซึ่งอาจไม่ได้รับการชดเชยจากหน่วยงานราชการหรือผู้พัฒนาโครงการในที่สุด อันเป็นกรณีที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการถูกเวนคืนที่ดินเพราะการถูกเวนคืนที่ดินก็ยังได้รับการเยียวยาเป็นค่าที่ดิน แต่เราอาจไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ ในกรณีที่ถูกรื้อถอนอาคารในที่สุด
           ทั้งที่พวกเราทุกคนต้องเก็บหอมรอมริบและไปกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำเงินมาซื้อห้องชุดโดยสุจริตเพื่อหวังว่าจะสามารถใช้ห้องชุดดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยของพวกเราและครอบครัวตลอดไป แต่ความหวังของพวกเราอาจพังทลายโดยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดใดๆ และอาจตกเป็นเหยื่อของความไม่น่าเชื่อถือของใบอนุญาตที่ได้ออกโดยหน่วยงานของรัฐโดยที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าก่อนทำสัญญาซื้อขายได้เลย

           หากข้อเรียกร้องของพวกเราดังกล่าวยังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้พัฒนาโครงการแอซตันอโศกภายในกำหนดระยะเวลา 14 วันนับแต่วันนี้ พวกเราชาวลูกบ้านแอซตันอโศกกว่า 1,000 ชีวิตจากกว่า 600 ครอบครัวก็มีความจำเป็นต้องยกระดับข้อเรียกร้องของพวกเราต่อหน่วยงานราชการและหรือผู้พัฒนาโครงการในโอกาสต่อไป

          

 

แถลงการณ์ฉบับที่ 2
30 สิงหาคม 2564

ลูกบ้านแอซตันอโศกที่ได้รับผลกระทบจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง


ตามที่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ส. 53/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ส. 19/2564 ให้เพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้าย อาคาร หรือเปลี่ยนการใช้อาคารโดยไม่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 39 ทวิ และมาตรา 39 ตรี แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ออกให้แก่บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
โดยให้มีผลย้อนหลังจนถึงวันที่ออกใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ดังกล่าว ซึ่งจะครบกำหนดยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาดังกล่าว

พวกเราชาวลูกบ้านแอซตันอโศกเข้าใจว่า บัดนี้ หน่วยงานของรัฐและบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัดได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีหน่วยงานราชการใดหรือผู้พัฒนาโครงการได้จัดให้มีมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลางให้มีผลเป็นรูปธรรมแต่อย่างใดจนเป็นเหตุทำให้ในขณะนี้สถาบันการเงินต่างๆ ที่เคยได้ให้สินเชื่อแก่ลูกบ้านทำการปฏิเสธการให้ทำ Retention ในส่วนดอกเบี้ยของวงเงินกู้ยืมเดิม และสถาบันการเงินหลายแห่งปฏิเสธในการอนุมัติคำขอสินเชื่อ Refinance

ด้วยเหตุที่หลักประกันสินเชื่อซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการแอซตันอโศกอยู่ในความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้อันเป็นผลกระทบโดยตรงจากคำพิพากษาศาลปกครองกลางดังกล่าว

ในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางจนกระทั่งมีคำสั่งถึงที่สุดให้ทำการรื้อถอนอาคารชุดแอซตันอโศกแล้ว พวกเราจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงซึ่งอาจไม่ได้รับการชดเชยจากหน่วยงานราชการหรือผู้พัฒนาโครงการในที่สุด อันเป็นกรณีที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการถูกเวนคืนที่ดินเพราะการถูกเวนคืนที่ดินก็ยังได้รับการเยียวยาเป็นค่าที่ดิน แต่เราอาจไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ ในกรณีที่ถูกรื้อถอนอาคารในที่สุด


ทั้งที่พวกเราทุกคนต้องเก็บหอมรอมริบและไปกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำเงินมาซื้อห้องชุดโดยสุจริตเพื่อหวังว่าจะสามารถใช้ห้องชุดดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยของพวกเราและครอบครัวตลอดไป แต่ความหวังของพวกเราอาจพังทลายโดยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดใดๆ และอาจตกเป็นเหยื่อของความไม่น่าเชื่อถือของใบอนุญาตที่ได้ออกโดยหน่วยงานของรัฐโดยที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าก่อนทำสัญญาซื้อขายได้เลย


พวกเราชาวลูกบ้านแอซตันอโศกมีวงเงินสินเชื่อต่อสถาบันการเงินต่างๆ รวมกันประมาณ 3 พันล้านบาทซึ่งพวกเราจะต้องเสียดอกเบี้ยส่วนต่างในอัตราร้อยละ 2 ถึง 3 เพิ่มขึ้นจากการที่ไม่ได้รับอนุมัติให้ทำ Retention หรือ Refinance คิดเป็นเงินค่าเสียหายในส่วนนี้ในวงเงินประมาณ 60-90 ล้านบาทต่อปี หากคดีดังกล่าวจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาคดีอีก 5 ปีจะคิดเป็นค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 300-450 ล้านบาทจากการสูญเสียโอกาสในการทำ Retention หรือ Refinance

ดังกล่าวโดยไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ นอกจากนี้ พวกเราก็ยังไม่สามารถทำการขายห้องชุดให้แก่บุคคลภายนอกได้เลยเนื่องจากไม่มีบุคคลใดยินยอมรับซื้อห้องชุดภายในโครงการแอซตันอโศกอันเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง


เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 พวกเราชาวลูกบ้านแอซตันอโศกจำนวนมากกว่า 300 คน พร้อมด้วยผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด แอซตัน อโศกโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดได้ทำหนังสือไปยังบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด และ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)เพื่อขอให้มีการประชุมเพื่อรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมกับการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ พวกเรายังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้พัฒนาโครงการดังกล่าว


ซึ่งหากข้อเรียกร้องของพวกเราดังกล่าวยังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้พัฒนาโครงการแอซตันอโศกภายในกำหนดระยะเวลา 14 วันนับแต่วันนี้ พวกเราชาวลูกบ้านแอซตันอโศกกว่า 1,000 ชีวิตจากกว่า 600 ครอบครัวก็มีความจำเป็นต้องยกระดับข้อเรียกร้องของพวกเราต่อหน่วยงานราชการและ/หรือผู้พัฒนาโครงการในโอกาสต่อไป


กลุ่มลูกบ้านแอซตันอโศก
30 สิงหาคม 2564