บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI หนึ่งในผู้นำผู้ประกอบการผู้จัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ มั่นใจเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดราคาเปิดเหนือจองแน่นอน เหตุเป็นหุ้น IPO พื้นฐานดีน่าลงทุนที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและมีจุดเด่นในการทำธุรกิจก๊าซ แอลพีจี แบบครบวงจร นายประเสริฐ ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI หนึ่งในผู้นำผู้ประกอบการผู้จัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ เปิดเผยถึงความมั่นใจที่ในวันพรุ่งนี้ (19 สิงหาคม) บริษัทจะเข้าซื้อขายหุ้น IPO หรือ ซื้อขายหุ้นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่คาดว่าน่าจะเหนือราคาจองอย่างแน่นอนเนื่องจากที่ผ่านมาผลการจองซื้อหุ้นTAKUNI ในช่วงที่เปิดให้มีการจองซื้อ ในวันที่ 6-8 สิงหาคม ได้กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ราคา1.60 บาท โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนประมาณ 20% โดยเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน100,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก นายสุรพล ขวัญใจธัญญา กรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย หุ้นสามัญบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI กล่าวว่า มีความมั่นใจในตัวธุรกิจของTAKUNI และทีมผู้บริหารที่จะนำพาให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตแบบยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนกับธุรกิจของบริษัทซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจพลังงาน โดยถือว่ามีพื้นฐานที่ดีประกอบกับธุรกิจของบริษัทยังมีจุดเด่นเพราะในกลุ่มธุรกิจยังมีบริษัทในเครือที่เกี่ยวเนื่องในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆมารวมอยู่ด้วยจึงถือว่า TAKUNI เป็นบริษัทที่น่าสนใจในการลงทุนอย่างมากเพราะจุดเด่นที่ทำธุรกิจทางด้านก๊าซ แอลพีจี ที่ครบวงจร นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า มีความมั่นใจอย่างมากเช่นเดียวกันที่ในวันพรุ่งนี้(19 สิงหาคม)ที่TAKUNI จะทำการซื้อขายครั้งแรกและน่าจะเปิดตลาดเหนือจองอย่างแน่นอนโดย TAKUNI ถือว่าเป็นหุ้น IPO ที่มีความน่าสนใจอย่างมากเนื่องจากเป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจพลังงานโดยเฉพาะการทำธุรกิจก๊าซ แอลพีจี ที่มีมาร์จิ้น ที่ดีกว่าน้ำมันรวมถึงแนวโน้มของการก๊าซแอลพีจี เริ่มกลับมาบริโภคใช้กันมากขึ้นหลังจากสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลงซึ่งจะเป็นผลดีต่อผลประกอบการของ TAKUNI ที่เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน นายประเสริฐได้กล่าวถึงผลประกอบการของ TAKUNI ในส่วนไตรมาสที่ 2 ว่าดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของธุรกิจขายแก๊ส และการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซแอลพีจีของกลุ่มบริษัท โดยกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 8.24 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 41% และมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.03 บาท “ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาถือว่าผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักก็เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีโดยรวมของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับในช่วงกลางไตรมาส 2 สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลายจึงทำให้สถานีบริการก๊าซแอลพีจีบางส่วนที่ปิดให้บริการสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลทำให้การบริโภคก๊าซ แอลพีจี กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง” นายประเสริฐ กล่าว นายประเสริฐ กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัทโดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปัจจุบันสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติ นอกจากนโยบายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานมีแนวโน้มที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมและเชื่อว่าจะเป็นการปรับราคาให้สะท้อนกลไกทางการตลาดเพื่อสร้างความเท่าเทียมกัน ของราคาเชื้อเพลิงแต่ละประเภท จึงทำให้บริษัทฯเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและในโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต “ในครี่งปีหลัง 2557 นี้คาดว่ายอดการขายก๊าซ แอลพีจี ก็จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งเราจะเดินหน้าขยายสถานีบริการก๊าซ แอลพีจี ภายใน 1 ปีหลังจากวันนี้ไปเราจะต้องมีสถานีบริการก๊าซแอลพีจี เป็นของตนเองที่จะทำให้ มาร์จิ้นการขายก๊าซ แอลพีจีปรับตัวสูงขึ้น โดยตั้งเป้าจะขยายปั๊มให้ได้ 3 แห่ง และภายใน 5 ปี จะต้องมีสถานีบริการก๊าซ แอลพีจีเป็นของบริษัท 10 สถานี ” นายประเสริฐ กล่าว