ด้วยความที่พื้นที่ CBD หรือย่านเศรษฐกิจอย่างโซนสีลม สาทร สุขุมวิท เริ่มมีความหนาแน่นทำให้มีการกระจายตัวออกจากใจกลางเมืองไปสู่ทำเลอื่นๆ รวมถึงทำเลกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกอย่าง“รามคำแหง” ทำเลอนาคตว่าที่ “NEW EBD” (Extended Business District) หรือพื้นที่ส่วนต่อขยายย่านธุรกิจที่รองรับการขยายตัวของเมือง ในอดีตที่ย่านนี้เป็นที่อยู่อาศัยแต่ดั้งเดิม ปัจจุบันทำเลนี้กำลังจะเปลี่ยนไป แล้วอะไรที่ทำให้รามคำแหงกลายเป็น New EBD เราขอเรียบเรียงดังนี้

“รามคำแหง” ทำเลไร้ขีดจำกัดในการเดินทางด้วย Interchange รถไฟฟ้า

               รามคำแหงเป็นทำเลที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วจากการเข้ามาของรถไฟฟ้าที่ช่วยดันศักยภาพในทำเลนี้ ซึ่งปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายใหม่ 2 สายที่กำลังก่อสร้างอยู่ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม(บางขุนนนท์ – มีนบุรี) ที่มีแนวเส้นทางที่รองรับการเดินทางเชื่อมกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก-ตะวันออก โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่อยู่ในช่วงเชิญชวนเอกชนให้ทำสัญญาร่วมลงทุน คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2569 และช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) มีการก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 60% ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2567 อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง) ที่ก่อสร้างไปแล้วเกือบ 60% และจะเปิดให้บริการในปี 2565 นอกจากนี้ในบริเวณรามคำแหงยังมีรถไฟแอร์พอร์ตลิ้ง (พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ)ที่สถานีรามคำแหง

               ในอนาคตทำเลรามคำแหงยังมีรถไฟฟ้าเข้ามาอีกสายก็คือรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล(แคราย-ลำสาลี) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงปรึกษาหารือและเตรียมจัดทำ EIA ครั้งที่ 2 หากรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลเตรียมก่อสร้างหรือสร้างเสร็จจะทำให้ทำเลรามคำแหงและสถานีลำสาลีกลายเป็นจุด Interchange ที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายด้วยเส้นทางที่ครอบคลุมและหลากหลายทำให้การเดินทางของผู้คนในย่านนี้มีความสะดวกมากขึ้นสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหรือออกนอกเมืองได้อย่างรวดเร็ว

               จากการขยายตัวของแนวรถไฟฟ้าและเป็นจุด Interchange สำคัญในการเดินทางของกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกทำให้เกิดการพัฒนาโครงการต่างๆทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนมากขึ้น ทำให้ความเจริญเข้ามาสู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและด้วยความที่มีการคมนาคมที่สามารถเข้าสู่ย่านแหล่งธุรกิจสำคัญต่างๆ เช่น อโศก สุขุมวิท สีลม สยาม และสาทร ได้อย่างสะดวก “รามคำแหง” ในตอนนี้จึงเป็นทำเลศักยภาพที่รองรับการขยายของเมือง

               ทำเลรามคำแหงมีการเดินทางที่หลากหลายเชื่อมต่อทั้ง รถ เรือ ราง สามารถเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวก โดยมีถนนรามคำแหงซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมืองที่เชื่อมต่อถนนเส้นสำคัญที่ไปยังทำเลอื่นๆ เช่น ถนนพระราม 9, ถนนกรุงเทพฯ-กรีฑา, ถนนศรีนครินทร์, ถนนพัฒนาการ ฯ หรือสามารถใช้ทางด่วนพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์)หรือทางหลวงพิเศษ(มอเตอร์เวย์) หมาย 9 เชื่อมกับถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยเรือในคลองแสนแสบ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางเข้าเมืองได้มากขึ้น ด้วยการเดินทางที่หลากหลายผู้คนในย่านนี้่จึงมีความสะดวกมากขึ้นสามารถเดินทางเข้า-ออกเมือง ไปยังทำเลอื่นได้อย่างสะดวก

“รามคำแหง” ทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

               ด้วยศักยภาพของทำเลจึงดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนซึ่งล่าสุด The Mall Group เจ้าตลาดศูนย์การค้าในทำเลรามคำแหงที่มาปักหมุดเดอะมอลล์ในทำเลนี้แต่เนิ่นนานได้มีการปรับโฉมครั้งใหญ่กับศูนย์การค้าเดอะมอลล์รามคำแหง 2 ที่เปลี่ยนเป็น MIxed-Use Complex บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะเสร็จในปี 2564 นอกจากนี้ Major Development ยังเข้ามาพัฒนาโครงการ Makor Tower Rama9 - Ramkhamhaeng โครงการ Mixed-use ที่มีพื้นที่สำนักงานเกรดเอและพื้นที่รีเทล การเข้ามาของโครงการต่างๆ ทำให้ย่านนี้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น พร้อมรองรับการใช้งานของผู้คนที่มากขึ้น

               นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า Community Mall ร้านค้า ร้านอาหารมากมายและย่านนี้เต็มไปด้วยสถาบันศึกษาชั้นนำ เช่น ม.รามคำแหง, ม.อัสสัมชัญ, รร.บดินทรเดชา, รร.อุดมศึกษา ฯลฯ และอุ่นใจด้วยโรงพยาบาลมากมายที่รองรับผู้คนในทำเลนี้

ทำเลแห่งการอยู่อาศัยกับ Demand ที่หลากหลาย

               แต่เดิมทำเลรามคำแหงเป็นย่านที่อยู่อาศัยหนาแน่นแต่ดั้งเดิมเพราะเป็นย่านการศึกษาที่มีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นจุดศูนย์กลางและดึงดูดให้นักศึกษาและคนค้าขายเข้ามาอยู่อาศัยในทำเลนี้เป็นจำนวนมาก ย่านนี้จึงเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์ที่เป็นร้านค้า ร้านอาหาร หอพัก อพาร์ทเมนท์ ฯลฯ ที่ตอบโจทย์นักศึกษาและผู้คนที่ทำงานในย่านนั้น ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้ที่ครบพร้อมใช้ชีวิตทำให้ผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยในทำเลนี้มากขึ้น การเข้ามาของออฟฟิศต่างๆ ทำให้เกิดแหล่งงานในย่านนี้ซึ่งดึงดูดคนทำงานเข้ามาในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่อยู่นอกเมืองที่อยากจะขยับเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น ขยับเข้ามาใกล้ที่ทำงานและใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงกลุ่มผู้ปกครองที่มองหาที่พักอาศัยให้น้องๆนักเรียน นักศึกษา และด้วยศักยภาพของทำเลยังสามารถดึงดูดกลุ่ม First jobber ที่อยากมีคอนโดฯเป็นของตัวเองบนทำเลที่ราคาจับต้องได้อีกด้วย

Supply ของตลาดคอนโดที่เติบโตขึ้นบ่งบอกศักยภาพของทำเล

               เมื่อดูตลาดคอนโดในทำเล “รามคำแหง” ย้อนหลังไป 5 ปี จะพบว่า Supply คอนโดเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า Developer ต่างก็เห็นศักยภาพของทำเลนี้จึงเลือกเข้ามาปักหมุดโครงการในย่านนี้ จากการเข้ามาของรถไฟฟ้าและการเป็นจุด Interchange ในอนาคตเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นศักยภาพของทำเลและดึงดูดให้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้คนที่เข้ามาอยู่ในทำเลนี้ และหากพูดถึงโอกาสในการลงทุนของคอนโดรามคำแหงจะพบว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของคอนโดในย่านนี้มี Capital Gain ประมาณ 4-7 % ต่อปี ราคาขายห้องมือสองเฉลี่ย 70,000-107,000 บาทต่อตรม. นอกจากนี้การปล่อยเช่าคอนโดในพื้นที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า(Rental Yield) เฉลี่ย 5-7% ต่อปี

               สำหรับใครที่มองหาการเช่าคอนโดฯในทำเลนี้มีอัตราค่าเช่าประมาณ 5,000-18,000 บาทต่อเดือน (ขึ้นอยู่ที่ขนาดห้องและสภาพคอนโด) ด้วยราคาค่าเช่าประมาณนี้คงจะดีกว่าหากซื้อคอนโดฯเป็นของตัวเองในงบที่ค่าผ่อนพอๆกับค่าเช่า ให้ The Livin Ramkhamhaeng” เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคุณ คอนโดใหม่ที่เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1.6 ล้านบาท หรือ 80,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่อยากมีคอนโดฯเป็นของตัวเองในราคาที่เอื้อมถึง กลุ่ม First jobber หรือผู้ที่มีงบประมาณไม่มากก็สามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยราคาที่จับต้องได้

The Livin Ramkhamhaeng คอนโด High rise 42 ชั้น กับคอนเซปต์ “Living Beyond Boundary ชีวิตไร้ขีดจำกัด” คอนโดที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดในทุกๆด้าน  

    • ไร้ขีดจำกัดในการเป็นเจ้าของผ่อนเพียงเดือนละ 1,000 บาท* (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)  
    • ไร้ขีดจำกัดในการเดินทางเพราะใกล้ MRT Interchange Statiom ลำสาลี เพียง 100 ม.
    • ไร้ขีดจำกัด การใช้ Facilities มากมายในพื้นที่ 1,900 ตร.ม. อาทิ Sky Lounge, Meeting Room, Theater Room, Co-Kitchen Studio, Co-Working Space &Workshop Studio, Game Room, E-Sport Entertainment, Jogging Track และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ถึง 6,000 ตร.ม. 
    • ไร้ขีดจำกัด การใช้ชีวิตด้วยฟังก์ชันของห้องที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เช่น ห้องแบบ 1 Bedroom เป็นครัวแยกให้การทำอาหาร ไม่รบกวนโซนพักอาศัยและห้องนั่งเล่นขนาดกว้างที่จัดทุกอย่างไว้เป็นสัดส่วนได้อย่างลงตัว ใช้ทุกตารางเมตรอย่างคุ้มค่าหรือจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่ให้คุณใช้งานได้จริงเสมือน 2 ห้องนอนในราคาเพียง Studio ของโครงการอื่นๆ

ใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดไปกับ The Livin Ramkhamhaeng ลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอและส่วนลดได้ที่ https://bit.ly/35HSjIb