พฤกษา โชว์กำไรครึ่งปีแรก 1,339 ล้าน

ชูกลยุทธ์มาร์เก็ตติ้งแมกซ์โมเดล เตรียมลุยฮีโร่โปรเจคครึ่งปีหลัง

  

พฤกษา แจงผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2563 ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ทำรายได้ 13,308ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,339 ล้านบาท  ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.31 บาท/หุ้น ชูกลยุทธ์การตลาดแบบมาร์เก็ตติ้งแมกซ์โมเดล ครึ่งปีหลังพร้อมลุย 26 โครงการไฮไลท์ มูลค่า 34,430 ล้านบาท เล็งผุดพรีเมียมโปรเจคจับกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ย่านชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ

 

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า “ครึ่งปีแรกปี 2563 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 13,308 ล้านบาท ยอดขาย 9,576  ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากทาวน์เฮาส์ 53%  บ้านเดี่ยว 24%  และคอนโดมิเนียม 23%  ทำกำไรสุทธิ 1,339 ล้านบาท พร้อมยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง  แม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ ทั้งนี้จากการที่บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายสูงอยู่แล้ว จึงเน้นกลยุทธ์การระบายสต็อค โดยในช่วงที่ผ่านมา รายได้ครึ่งปีแรกมีสัดส่วนเกือบ 70% มาจากสินค้าสต็อคพร้อมอยู่ ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ประกอบกับพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ทำให้ผลการดำเนินงานของพฤกษาในครึ่งปีแรกนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ จึงมีการพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2563 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท”

 

“ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลครึ่งปีแรกมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 128,457 ล้านบาท ลดลงจาก 36% ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ห้าเดือนแรกอยู่ที่ 145,969 ล้านบาท ลดลง 8% แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ทิศทางตลาดอสังหาฯ ยังคงต้องเฝ้าระวัง บริษัทฯ จึงยังคงเพิ่มความรอบคอบและความคล่องตัวในการปรับแผนธุรกิจ ควบคุมค่าใช้จ่าย บริหารสภาพคล่องให้มีประสิทธิภาพ เร่งขาย เร่งโอน และเร่งระบายสินค้าพร้อมอยู่ (Inventory) พร้อมกันนี้ได้ปรับกลยุทธ์การขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้เข้าถึง Customer Journey อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และยังให้ความสำคัญในการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับตัวตามวิถีใหม่ของสังคมแบบนิวนอร์มอล (New Normal) ทั้งในระยะสั้น และยาว เพื่อยกระดับการพัฒนาสินค้า นวัตกรรม และการบริการ แบบบูรณาการในทุกมิติ

 

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง หากประเทศไทยยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ต่อเนื่อง โดยไม่มีการแพร่ระบาดระลอกที่สอง เชื่อว่าความมั่นใจจะสูงขึ้น พร้อมกับเซนติเม้นต์ของตลาดที่ดีขึ้นด้วย บริษัทฯ จึงได้วางกลยุทธ์การตลาดแบบมาร์เก็ตติ้งแมกซ์โมเดล (Marketing Max Model) โดยนำโครงการเกรด Aจำนวน 19 โครงการ  มูลค่า 25,650 ล้านบาท  คัดสรรจากโครงการที่เปิดขายในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่กว่า 180 โครงการ ทำการรีมาร์เก็ตติ้ง (Remarketing)  โครงการใหม่ ปรับรายละเอียดสินค้า และรูปแบบให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้นตามวิถีชีวิตใหม่  New Normal พร้อมทำแผนการตลาดแบบ Digital Lead ใช้ฐานข้อมูลลูกค้า ทำความเข้าใจและสื่อโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในครึ่งปีหลัง ยังเน้นบุกตลาดแนวราบ จับกลุ่มเรียลดีมานด์ (Real Demand)  โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่  7   โครงการ มูลค่ารวม 8,780 ล้านบาท

ได้แก่ ทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ เลือกเปิดโครงการที่มีศักยภาพสูง สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั้งทางด้านคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและเป็นไปตามราคาของเซ็กต์เม้นต์นั้นๆ อย่างไรก็ตามพฤกษามีความคล่องตัวสูงในการปรับแผน จึงสามารถปรับเพิ่มหรือลดจำนวนการเปิดโครงการให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนั้นได้อย่างรวดเร็ว โดยในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ได้เตรียมเปิดโครงการไฮไลท์แห่งปี ได้แก่ เดอะ ปาล์ม ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม บนที่ดิน 400 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 1,630ล้านบาท ดีไซน์พื้นที่ภายในบ้าน ให้ตอบรับการใช้ชีวิตของครอบครัวยุคใหม่แบบนิวนอร์มอล (New Normal) เน้นฟังก์ชั่นใช้งานให้ทุกสมาชิกมีพิ้นที่ส่วนตัว และสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ราคาเริ่มต้น  7-15 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้เตรียมขยายกลุ่มลูกค้าทาวน์เฮาส์ไปยังระดับไฮเอนท์ 10 ล้านขึ้นไป โดยบุกตลาดใหม่ด้วยแบรนด์พาทิโอ ซึ่งจะเตรียมเปิดขายในช่วงต้นปีหน้า และได้มีการปรับเป้าปี 2563  โดยตั้งเป้ารายได้ 31,000 ล้านบาท และเป้าขายยอดขาย 28,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ”  นางสุพัตรา กล่าว